BACK TO EXPLORE

Labrador แบรนด์เครื่องหนังติดไอเดียที่รักธรรมชาติมาจากข้างใน

Labrador แบรนด์เครื่องหนังติดไอเดียที่รักธรรมชาติมาจากข้างใน
หยิบวัสดุมาใส่ไอเดียให้เป็นผลิตภัณฑ์ของไทยชนะใจคนทั่วโลก

ถ้าใครได้มาเดินเล่นในศูนย์การค้า Siam Discovery คงได้เห็นกับแบรนด์เครื่องหนังทั้งเครื่องเขียน กระเป๋าและของไลฟ์สไตล์ที่เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานแล้วดูง่ายแต่ซับซ้อนด้วยวิธีคิดอย่างแบรนด์ Labrador ที่คอนเซปต์ตั้งต้นคือต้องไม่เหมือนใครและไม่เคยมีใครทำมาก่อน แถมยังนึกถึงสิ่งแวดล้อมออกมาจากอินเนอร์ เราได้มาคุยกับผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ Labrador คุณกิ๊ก - สุปรียา กุลทวีทรัพย์  


“ตอนที่เริ่มต้นแบรนด์ มีพาร์ทเนอร์อีกคนค่ะ พาร์ทเนอร์เรียนสถาปัตย์มาและทำงานออกแบบบ้านออฟฟิศ ส่วนกิ๊กเรียนวิศวะ เรียนจบปริญญาโทมายังไม่เคยทำงานจริงจัง ด้วยความที่เราเป็นคนชอบของบางอย่างที่เหมือนกัน แต่หาซื้อไม่ได้ จุดเริ่มต้นเลยเกิดขึ้น เพราะเราอยากทำงานที่ชอบ อยากสร้างอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน และไม่ลอกแบบใคร เป็นของที่ใช้ได้ยาวนาน ส่วนตัวไม่ชอบใช้อะไรแป๊บเดียว สิ่งที่เราตามหา ไม่มีอยู่ในตลาด เราเลยตั้งต้นจากสิ่งที่ชอบ โชคดีที่เราทำออกมาแล้วมีลูกค้าที่ชอบเหมือนเรา มี Demand-Supply ของกันและกัน”

เราถามถึงที่มาในการทำแบรนด์ คุณกิ๊กเล่าให้ฟังว่า “เราออกแบบงานแล้วเอามาผลิตเองบ้าง จ้างคนอื่นผลิตบ้าง แต่เนื่องจากสิ่งที่เราผลิตแตกต่างทำให้หาคนผลิตยาก ช่างก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำจะขายได้ เพราะต่างจากที่เขาเคยเห็นมา เราทำเครื่องเขียน stationery ออกมา ลูกค้าจะจำได้ว่า Labrador เป็นเครื่องเขียน แต่จริงๆ เราเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ ของทุกชิ้นที่ทำขึ้นมาเราจะวัดจากตัวเราก่อนเป็นตัวตั้ง อีกส่วนหนึ่งเราฟังจากเสียงของลูกค้าที่อยากให้ทำอะไรใหม่ๆ ออกมาด้วย” โดยที่คอนเซปท์หลักๆ ของแบรนด์คือ
1. Creativity อันนี้สำคัญมาก ต้องไม่เหมือนใคร ไม่ก็อปปี้ใครเด็ดขาด
2. Simplicity คาแรคเตอร์ของเราเรียบง่ายและมินิมอลมากๆ
3. Green Awareness เราจะใช้ของในสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และทำร้ายธรรมชาติให้น้อยที่สุดด้วย


โรงงานที่คิดถึงระบบนิเวศมาเป็นอันดับแรก
“ตั้งแต่ที่โรงงานของเราจะมีขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกผักสวนครัว เราทำเหมือนเป็นวัฒนธรรมองค์กรโดยธรรมชาติ เราเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ สร้างโรงงานของเราเอง พื้นที่ทั้งหมด 1 ใน 3 จะเป็นอาคาร อีก 2 ส่วนเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่เป็นต้นไม้หมด โรงงานเราก็สร้างเองเป็นโรงงานประหยัดพลังงาน พยายามเชื่อมโยงความเป็นธรรมชาติซึ่งเราถือว่าเป็นปกติของพวกเรามากในการทำงาน ด้วยโครงสร้างทำให้เราใช้แอร์น้อย ใช้ไฟฟ้าน้อย มีปลูกข้าว ปลูกทุเรียน กล้วย พนักงานทุกคนเอาไปทานได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย โรงงานร่มรื่นมาก เต็มไปด้วยสีเขียว มีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ลอยเข้ามาในโรงงาน


รูปจาก www.facebook.com/labradorfactorypage


รูปจาก www.facebook.com/labradorfactorypage


รวมทั้งเวลาจะทำของขึ้นมาสักอย่าง เราคิดว่า Eco คือดีไซน์ และภาพสุดท้ายคือความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ได้จริงและใช้ได้นาน เช่น กระดาษ ต้องไม่เคลือบ ย่อยสลายได้ วิธีการทำงานก็ต้องประหยัดพลังงาน อย่างรถที่เข้ามาส่งของ เราจัดคิวเส้นทางเรียงลำดับ เพื่อให้การขนส่ง 1 วัน คุ้มค่าพลังงานมากที่สุด”


งานดีไซน์ที่ไม่เคยมีที่ไหนบนโลก
ถ้าใครได้เห็นสินค้าของแบรนด์ Labrador จะต้องรู้สึกทึ่งในแนวคิดตั้งแต่วัสดุ ไปจนดีไซน์ที่ล้ำมาก ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีเว่อร์วังแต่มาจากไอเดียที่กลั่นกรอง คุณกิ๊กอธิบายว่าจะมีการกำหนดไดเร็กชั่นขึ้นมาแล้วที่เหลือทุกคนร่วมกันคิด ทำงานเป็นทีมด้วยการอิงจากความชอบและความต้องการของลูกค้า “การหาวัตถุดิบ เราหาข้อมูล ทำรีเสิร์ชเยอะมาก มีอะไรบ้างที่ใช้ได้ วัสดุชิ้นนั้นเคยทำอะไรมาก่อน เรารู้เพื่อที่จะแตกต่าง เมื่อได้วัสดุที่ต้องการแล้ว เราก็ออกแบบตามคอนเซปท์แล้วทดลองใช้ด้วยตัวเอง วัตถุดิบที่เรานำมาสร้างงาน จะไม่ไปตีกรอบว่ามันจะเป็นอะไรได้บ้าง เช่น หนังรีไซเคิลมีอยู่ในโลกนี้นานแล้ว คนเอาไปใช้เป็นส่วนด้อย เพราะคุณสมบัติไม่เด่นเท่ากับหนังแท้ แต่เรามองว่าหนังรีไซเคิลสร้างคุณค่าได้”

 
รูปจาก www.facebook.com/labradorfactorypage


“หลังจากหาข้อมูลว่าวัสดุชิ้นนั้นมีคุณสมบัติยังไงแล้ว เราเอาดีไซน์มาเชื่อมโยงให้เข้ากับของชิ้นนั้น เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำสินค้าประเภทนี้ เพราะเราไม่เคยเห็นมาก่อนในตอนนั้น เราทำแล้วก็เข้าประกวดนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นแนวคิดของใช้รีไซเคิลที่ไม่ใช่แค่รักษ์โลก คนซื้อไปใช้แล้วต้องรู้สึกเก๋ เราเอาดีไซน์มานำให้ใช้งานได้จริงและทนทานจนได้รางวัล Prime Minister’s Export Award ในสาขา Best Thai Brand แบรนด์ไทยที่ดีที่สุดและมีภาพลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล”



เล่าเรื่องให้ลูกค้าฟัง
จากวันที่ Labrador วางขายในยุคที่โซเชียลมีเดียไม่บูม ไม่มีช่องทางสื่อสารออกไปมากนัก คุณกิ๊กบอกว่าใช้วิธีเล่าผ่านแพคเกจจิ้ง เป็นการเล่าเรื่องได้มากที่สุดว่าสินค้าชิ้นนี้ทำยังไง ใช้ยังไง พอมีช่องทางในการสื่อก็เล่าด้วยภาพและวีดีโอ “เมื่อก่อนเป็นคนเมืองที่รับรู้และให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ แล้วก็มีกลุ่มคนที่อินกับสินค้าแนวนี้ เราจะดีใจมากสมมติถ้าออกสมุดออแกเซอร์รุ่นที่ 7 ออกมา แล้วมีคนเดินถือรุ่น 1 มาบอกว่ายังใช้ได้อยู่ เพราะเราซ่อมฟรีตลอด ยกเว้นเปลี่ยนอะไหล่นิดหน่อย เราบริการฟรีตลอดการใช้งาน บางคนบอกว่าใช้มา 5 ปียังสวยอยู่เลย เขาเชื่อในแบรนด์ ถึงสมุดเขาจะยังใช้ได้ แต่เขาก็หันไปซื้อกระเป๋าตังค์ เขาให้คุณค่ากับแบรนด์ซึ่งเทียบไม่ได้กับมูลค่าของเลย”


ไม่ใช่แค่เพียงลูกค้า แต่จิตวิญญาณนี้คุณกิ๊กส่งต่อไปถึงพนักงานและครอบครัว พนักงานแต่ละคนจะเห็นถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เธอจะดีใจมาก เวลาที่พนักงานแต่ละคนกลับไปสอนคนที่บ้าน พ่อแม่กลับไปสอนลูก Labrador พาหลักการคิดแบบอีโค่ไปสู่ชุมชน ทำให้สังคมเห็นสิ่งรอบตัว เห็นประโยชน์ส่วนรวม ข้อดีของที่นี่คือพนักงานจะอยู่ไม่ไกลจากโรงงาน ปั่นจักรยานมาทำงาน ตกเย็นออกกำลังกาย กลับบ้านไม่ต้องเผชิญกับรถติดมหาศาล


ดังไกลไปทั่วโลก
นอกจากจะหาสินค้าของ Labrador ได้ที่ศูนย์การค้า Siam Discovery แล้ว ชื่อเสียงของแบรนด์ก็แผ่ขยายออกไปหลายประเทศทั่วโลก “เราทำขายทั้งในประเทศและผ่านดิสทริบิวเตอร์ต่างประเทศ เราจะขายผ่านชื่อแบรนด์ Labrador แต่ถ้าร่วมกับแบรนด์อื่นก็อาจจะใช้ชื่ออย่างเช่น Labrador for Habitat เพื่อยืนยันว่าออริจินัลมาจากแบรนด์ของเราจริงๆ ซึ่งตอนนี้มีร้านที่ฟิลิปปินส์ มี 3 สาขาและปารีส อย่างที่ปารีสอยู่ในโลเคชั่นดี เป็นถนนชิคๆ เก๋ๆ รวมของมีดีไซน์ เราจึงต้องทำให้เขายอมรับให้ได้ ส่วนที่ไปขายกับช้อปในแบรนด์อื่นๆ มีอยู่หลายประเทศ เช่น อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย”



ถึงวันนี้ที่ Labrador เกิดขึ้นมานานถึง 13 ปี พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ แบบที่คุณกิ๊กและพาร์ทเนอร์ไม่เคยย่อท้อ ไม่เคยหยุดที่จะคิดและดีไซน์ไปพร้อมกับทีม “เราไม่เคยกลัว ตอนแรกที่บ้านเคยถามว่าไม่ทำงานสายวิศวะเหรอ แต่ใจเราเต็มร้อยมาก มีแค่ไหนทำแค่นั้น ไม่ไหวก็ไม่ทำ พัฒนามาเรื่อยๆ เราอยากทำแบรนด์ไทย ขายให้คนไทยได้ใช้ของดี ส่งออกเป็นเรื่องรอง นี่คือความตั้งใจมาก เพราะถ้าใครเข้ามาด้วยนโยบายที่ไม่ตรงกันก็คงไม่ได้ขายให้ เราอยากขายในประเทศให้ดีที่สุด แม้แต่วัตถุดิบเองเราจะมองหาของในประเทศจนไม่มีจริงๆ ถึงจะนำเข้ามา”



ยิ่งคุยก็ยิ่งเจอกับแรงบันดาลใจมากมาย ความเรียบง่ายอาจจะเป็นคำตอบของใครหลายๆ คนสมกับชื่อแบรนด์ Labrador ที่คุณกิ๊กเอารากศัพท์มาจากสเปนที่เป็นคำว่า Labor ตรงกับ Farmer คือความเรียบง่ายติดดิน เป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงง่ายใช้ได้จริง เธอยังย้ำอีกว่าธุรกิจตอนนี้มีคนทำงานอยู่ประมาณ 40 คนและจะคงไว้เท่านี้ ถึงจะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่มีคุณภาพ ในอนาคตก็จะพัฒนาการออกแบบให้ดีขึ้นด้วยแนวคิดใหม่ๆ วัสดุใหม่ๆ ในซีรีส์หน้าจะมีโปรดักท์อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง เราต้องมารอดูกันต่อไป

YOU MAY ALSO LIKE