BACK TO EXPLORE

When Obsession becomes what they are?

ความ “Obsession” หรือที่ถ้าแปลตรงตัวภาษาไทยคือ ความหมกมุ่น ที่ต้องเข้าใจกันก่อนว่า เราไม่ได้พูดถึงความหมกมุ่น บ้าคลั่งในเรื่องพิศดาร แต่เป็นความหลงใหลและคลั่งไคล้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบเต็มขั้น แม้เข้าใจดีว่าการสละเวลาในชีวิตประจำวันเพื่อมอบให้กับความหมกมุ่นในเรื่องใดๆสักอย่าง ในสายตาปกติทุกวันนี้มันคือการถูกเรียกเอาง่ายๆว่าบ้าหรือสุดโต่งเกินไป แต่สำหรับคนที่ถ้าได้รู้ว่าตัวเองหลงรักและทุ่มให้กับในเรื่องอะไรแล้ว ล้วนเป็นความสุขที่ไม่มีใครที่ไหนมามอบให้ได้ มากไปกว่าการที่เราได้มองเห็นตัวเองแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เราหลงใหลคลั่งไคล้การที่เราได้เห็นคนที่มีความหลงใหลให้กับอะไรสักอย่างแบบสุดตัว ก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะจุดไฟประกายในตัวเราเช่นกัน เพราะแท้จริงหากสังเกตดูจากคนในประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้เราจะเห็นว่ามีพื้นที่ให้กับความคลั่งไคล้ในทุกๆแต่ละศาสตร์แต่ละแขนงเสมอๆ

Woody Allen

ผู้กำกับชาวอเมริกันที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนทั้งนอกจอและในจอกว่าจะมาเป็นผลงานที่ดูยังไงก็รู้ว่านี่คืองานของ Woody Allen ความหมกมุ่นที่เราจะหยิบยกมาพูดถึง คือเรื่องความ Productivity ในการทำหนังของเขา สำหรับใครที่ลองสังเกตในลิสต์ผลงานการกำกับและเขียนบทของเขา จะพบว่าผู้ชายคนนี้ได้บริหารเวลาในชีวิตกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ไปกับการทำหนังเขียนบทแบบปีชนปี (จากเริ่มเขียนบทกำกับเองครั้งแรกในปี 1966 มาถึงทุกวันนี้ 50 ปี Woody Allen มีผลงานบทภาพยนตร์ที่ผลิตออกมาทั้งสิ้น 52 เรื่อง) ครั้งหนึ่งในสารคดีและบทสัมภาษณ์ อัลเลน เคยกล่าวว่า “ผมไม่เคยและไม่สามารถรู้สึกว่าตัวเองอยากหยุดทำงาน ทุกครั้งที่จบจากการตัดต่อจากเรื่องเก่า ไม่พ้นวันรุ่งขึ้นก็ต้องร่างโครงบทภาพยนตร์เรื่องต่อไปเรียบร้อยแล้ว” และทั้งหมดต้องทำโดยการเขียนดราฟท์บนกระดาษ ก่อนพิมพ์ทำเป็น Final ออกมาด้วยเครื่องพิมพ์ดีดตัวเก่ากึ้กคู่ใจเท่านั้น

Chet Baker

นักทรัมเป็ตแจ๊ซชาวอเมริกัน กับฉายา “James Dean of Jazz” หรือ “The Great White Hope of Jazz” ภาพคนขาวที่มีหน้าตาหล่อเหลา เสียงร้องที่หวานนุ่ม รวมกับฝีมือการเล่นน้อยแต่พอดีที่เป็นเอกลักษณ์หาตัวจับยาก หากถามถึงเส้นทางดนตรีของเขา ไม่ว่าใครในวงการก็เห็นพ้องว่าเขามีอนาคตสุดลูกหูลูกตา แต่แล้วปัญหาชีวิตส่วนตัวที่เป็นสีเทาก็เล่นงานเขาจนได้ ในวัย 47 ปี เบเกอร์ถูกรุมทำร้ายจากเรื่องยาเสพติด ส่งผลให้ฟันของเขาผิดรูปและหลุดออกจากปาก ตามความเข้าใจของใครหลายคน การเป่าทรัมเป๊ตโดยที่ไม่มีฟันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่สำหรับ Chet ผู้รู้ดีว่าทรัมเป๊ตคือสิ่งเดียวที่ชีวิตอุทิศให้ เขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนบนความลำบาก จนกลับมายืนหยัดอยู่เป็นนักดนตรีแจ๊ซระดับแนวหน้าคนหนึ่งในช่วงหลังของชีวิต หลายคนกล่าวว่า งานยุคหลังของ Chet ยังคงเป็นมาสเตอร์พีซจวบจนถึงทุกวันนี้ ล่าสุดภาพยนตร์อัตชีวประวัติของ Chet Baker “Born to be blue (2016)” กำลังเข้าฉายในต่างประเทศ หวังว่าเราคงมีโอกาสได้สัมผัสกับชีวิตของนักดนตรีคนนี้บนจอเงินในบ้านเรา

Philippe Petit

ศิลปินนักแสดงชาวฝรั่งเศส ที่ความหลงใหลของเขาคือเรื่องความสูง Philippe ใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับชั่วโมงฝึกฝนการเดินบนเส้นสลิงบนท้องฟ้า ตั้งแต่อายุ 16 ปีที่เขาเริ่มเรียนรู้การแสดงชนิดนี้ หกปีให้หลังเขาก็ได้ประกาศให้โลกตะลึงครั้งแรก กับการเดินผ่านสองหอคอย Notre Dame de Paris ที่ตั้งอยู่ในกรุง Paris จากนั้นก็มีผลงานการแสดงท้าความสูงที่เป็นสถิติน่าจดจำมากมาย แต่ครั้งไหนก็คงไม่เท่าผลงานในปี 1974 กับการ เดินผ่านระหว่างตึกแฝด World Trade Center ใจกลางเมือง New Yorkเป็นที่พูดถึงทั้งในแง่สถิติโลก และการถูกจับกุมโดยตำรวจหลังการแสดง ภายหลังมีการทำออกมาเป็นทั้งสารคดีและภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน Man on wire ใครที่เคยดูคงจำฉากหนึ่งได้ “ครั้งแรกที่เห็นตึกนี้ มันก็เรียกร้องให้ผมขึ้นไปเดินบนลวดเหล็กอย่างท้าทาย และผมก็กลับไปอดคิดไม่ได้นอนไม่หลับ ที่ต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมัน” เป็นสถิติโลกที่ไม่มีใครทำลายได้กว่า 30 ปี นี่คือตัวอย่างของความหมกมุ่น ที่สามารถทลายกำแพงเรื่องขีดจำกัดของมนุษย์ไปอย่างหมดสิ้น

David Bowie

เขาคือสุดยอดของไอคอนทั้งวงการเพลง แฟชั่น และภาพยนตร์ ก่อนที่จะจากเราไปไม่นานนี้ David Bowie ศิลปินชาวอังกฤษ ได้ฝากผลงานที่น่าจดจำไว้มากมาย ที่เห็นจะเด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น บทบาท Alter-Ego บนเวทีของเขา “Ziggy Stardust” ให้ลองมองในมุมคนที่ไม่คุ้นชินคงจะเกิดความรู้สึกประหลาด พิศดาร เป็นธรรมดา ขนาดตัว Bowie เองเขายังมักจะบอกคนใกล้ตัวเสมอๆ ว่าเขานี่ล่ะคือ Alien (ผู้มีสภาวะแปลกแยก) ในทุกๆเรื่องทั้ง ความนิยมทางเพศ การแสดงออก การแต่งตัว และการแต่งเพลงที่ไม่เหมือนใคร กับชื่อเพลงที่เกี่ยวข้องไม่พ้นเรื่องราวนอกโลกเสมอๆ เช่น “Space

Oddity,” "Dancing out in Space," "Life on Mars?," "Hallo Spaceboy," "Born in a UFO." และอีกมากมาย จากข่าวร้ายล่าสุด แม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เอเลี่ยนจากดาวดวงเดียวกันคนนี้ได้แสดงให้เห็นว่า เขาหยิบความหมกมุ่นและหลงใหลในโลกอวกาศมาฝากพวกเราได้งดงามขนาดไหน

Muhammad Ali

กับคำนิยามว่าเขาคือ The Greatest ของวงการกีฬาชกมวยในโลกใบนี้ ก่อนจะเดินถึงทุกความสำเร็จต้องแลกมาด้วยการทุ่มเทให้กับสิ่งที่ตัวเองรักแบบไม่มีใครเห็นภาพมาก่อนนอกจากตัวเรา จากปากครูฝึกคนสำคัญของ Ali เล่าว่า เขาไม่เคยเจอนักมวยคนไหนที่มีความตั้งใจขนาดนี้ เขาฝึกแบบไม่เคยขอลด หากต้องการมีแต่จะเพิ่ม ทุกครั้งที่ไปยิมจะต้องเจอ Ali ยืนซ้อมอยู่แล้วเสมอๆ ถ้าอยากรู้ว่าที่มาความอุตสาหะเต็มร้อยมาจากไหน แท้จริง Ali ในวัยเด็กเป็นคนที่ชื่นชอบกีฬาชกมวย มีไอดอลเป็นนักมวยคนดังอยู่แล้ว แต่เรื่องมาเกิดตรงที่วันหนึ่งจักรยานสุดรักของเขาหายไป เมื่อไปฟ้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถ้าจับตัวขโมยได้ เขาจะเล่นมันเลยให้อ่วม เจ้าหน้าที่คนนี้ก็เลยจับเด็กคนนี้้มาฝึกมวยด้วยซะเลย หลังจากนั้นมาทั้งชีวิตของ Ali ก็อุทิศให้กับการฝึกฝนกีฬาชกมวย ถึงขั้นที่เวลากลับบ้านเขามักจะให้พี่น้องปาหินใส่และหลบให้ได้เพื่อทดสอบการตอบสนอง หรือเวลาที่ไปโรงเรียนตอนเช้าเขาไม่เคยคิดจากนั่งรถโรงเรียนที่ผ่านหน้าบ้าน หากเพียงแต่พยายามวิ่งแข่งกับรถจากบ้านไปโรงเรียนทุกวัน จึงไม่มีใครกล้าเถียงหรอกว่า นักมวยของยุคสมัยที่เป็นที่จดจำ ต้องมีชื่อของ Ali นำมาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน ครั้งหนึ่ง Ali เคยกล่าวว่า “ผมเกลียดทุกๆนาทีในการฝึกแต่ละครั้ง แต่ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่า ห้ามท้อ ถ้ายอมเหนื่อยที่สุดวันนี้ เราจะได้ยืนในฐานะแชมป์ในวันข้างหน้า”

Yves Saint-Laurent

แฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส ความหมกมุ่นของ Yves Saint-Laurent คงหนีไม่พ้นเรื่องของการออกแบบเสื้อผ้าที่เขาถนัด แม้ชีวิตในโรงเรียนของเด็กชาย Laurent จะไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเท่าไรนัก จากภาพที่เป็นผู้ชายผอมบาง หลงใหลในเสื้อผ้าผู้หญิง ถูกบรรดาเพื่อนๆเกเรกลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอๆ แต่ Laurent ก็มีสิ่งสนใจที่เขารู้ตัวดี เขาเริ่มต้นออกแบบชุดเดรสให้กับแม่และพี่สาวทั้งสองคนเป็นประจำ จนทั้งบ้านรู้ดีว่าลูกชายคนนี้มีสิ่งที่ตัวเองรักในชีวิตแล้วก่อนใครเพื่อน เมื่อถึงอายุ 17 ปี แม่ของเขาก็พาไปพบกับ บรรณาธิการของนิตยสาร Vogue ฝรั่งเศส แต่ไม่นานก็ถูกหมายเรียกทหารร่วมรบในสงคราม ความหลงใหลที่ถูกกดไว้ในตัวบวกกับความเครียดที่สะสม เริ่มส่งผลกับสภาพจิตใจของ Laurent สุดท้ายเขาก็ถูกส่งกลับปลดจากประจำการ และกลับมาเดินเส้นทางสายแฟชั่นดีไซน์เนอร์ที่เคยทิ้งไว้อีกครั้ง จากความหลงใหลในวัยเด็ก เอกลักษณ์ในงานของเขาคือการดึงนำเอาความสนใจในอัตลักษณ์ของอิสตรี ไปผสมรวมกับเสื้อผ้าผู้ชายผู้หญิงได้อย่างน่าทึ่ง เราคงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้ ชื่อของ Laurent ในวงการแฟชั่น จัดว่าเป็นระดับสุดยอดของเมืองน้ำหอมในยุคสมัยเคียงคู่กันกับ Dior และ Chanel

Daniel Day Lewis

สำหรับในโลกของศิลปะการแสดง ที่เรานึกถึงความหมกมุ่นได้อย่างชัดเจน คงต้องหนีไม่พ้น Daniel Day Lewis นักแสดงชายชาวอังกฤษ แน่นอน เพราะชื่อเสียงในเรื่องความเต็มที่ เอาจริงเอาจัง ให้กับชีวิตการแสดงของเขา เป็นที่ทราบดีสำหรับคนที่ติดตามเรื่องราววงการภาพยนตร์ทุกคน ไม่ว่าเขาจะรับบทในเรื่องอะไรก็ตาม มักจะมีบรรดา Trivia พ่วงติดมาด้วยเสมอๆ ยกตัวอย่างในเรื่อง There Will Be Blood (2007) ที่เขาแสดงเป็นนายทุนน้ำมันหน้าเลือด Lewis ยอมที่จะไม่คุยกับนักแสดงที่รับบทตัวละครคู่ปรับในเรื่องตลอดเวลาการถ่ายทำ ผลงานที่ออกมา ใครที่เคยดูคงทราบกันดีว่ามันดูจริงขนาดไหน หรือจะเป็นในเรื่อง My Left Foot (1989) ที่เขาต้องรับบทเป็นคนพิการทางขา Lewis ตัดสินใจใช้ชีวิตแบบนั่งรถเข็นคนพิการ อีกทั้งยังต้องมีคนคอยป้อนข้าวให้ตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย เพื่อจำลองการที่ตัวละครตัวนี้ขยับตัวอะไรไม่ได้เลย ยังมีหนักกว่านั้นอีก ในเรื่อง The Last of the Mohicans (1992) เขาถึงขั้นจะกินแต่อาหารที่ตัวเองเป็นคนล่ามาและทำกินเองเท่านั้น ถ้าขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าความคลั่งไคล้ในสิ่งที่ตัวเองรัก ก็ไม่รู้มีเหตุผลอะไรมาจับแล้ว

YOU MAY ALSO LIKE