BACK TO EXPLORE

Paula's Choice สกินแคร์ที่เข้าใจทุกปัญหาผิวพรรณอย่างแท้จริง

Paula's Choice สกินแคร์ที่เข้าใจทุกปัญหาผิวพรรณอย่างแท้จริง
แบรนด์สกินแคร์เอ็กซ์เปิร์ตจาก Paula Begoun บิวตี้กูรูชื่อดังที่คนทั่วโลกหลงรักและเชื่อใจ

ใครที่เคยมีปัญหาเรื่องผิวหน้า รับรองได้ว่าต้องรู้จักหรือบางคนอาจจะเคยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ Paula's Choice มาบ้าง แต่วันนี้ OneSiam จะไปทำความรู้จักกับแบรนด์ Paula's Choice สกินแคร์ชื่อดังจากเมืองซีแอตเติ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกากันให้มากขึ้น ไปดูกันว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงมีผลิตภัณฑ์ติดอันดับ Best Seller มากมาย และอะไรที่ทำให้สามารถครองใจผู้คนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลกได้อย่างยาวนาน



Paula's Choice (พอลล่า ชอยส์) ก่อตั้งโดย “Paula Begoun” บิวตี้กูรู และผู้เขียนหนังสือชื่อดัง Don't Go to the Cosmetics Counter Without Me รวมทั้งหนังสืออื่นๆ ที่เป็นเหมือนคัมภีร์ความงาม จนเธอได้รับฉายาว่า The Cosmetics Cop หรือ ตำรวจความงาม เพราะหนังสือที่เธอเขียนจะวิเคราะห์ส่วนผสมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา ช่วยให้เราเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุด และความเชี่ยวชาญของเธอนำไปสู่การก่อตั้งแบรนด์ Paula's Choice ขึ้นในปี ค.ศ. 1995 โดยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะเน้นส่วนผสมที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวอย่างตรงจุดและได้ผล จนเป็นที่ติดใจของผู้ใช้ทั่วโลก





และวันหนึ่ง คนไทยก็ได้รู้จักและใช้สกินแคร์คุณภาพนี้ โดย คุณนารี มงคล Managing Director, Paula's Choice Thailand ผู้หญิงเก่งที่ทำให้แบรนด์ที่แทบไม่มีใครรู้จักเลยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กลายเป็นแบรนด์โปรดของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวเป็นสิวและมีริ้วรอย และเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่สยามดิสคัฟเวอรี่มาจนทุกวันนี้


คาแร็กเตอร์ดูเป็นสาวหวานขนาดนี้ ใครจะคิดว่าเมื่อก่อนเธอไม่เคยสนใจเรื่องความงามเลย
"ชีวิตวัยเด็กจะอยู่แต่กับคุณพ่อ เลยไม่มีใครเป็นแบบอย่างในเรื่องความสวยความงามเลย ยิ่งตอนคุณพ่อส่งไปเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่ 6 ขวบ เพราะอยากให้ได้ภาษาจีนกลาง และอยู่ที่นั่น 10 ปี ช่วงนั้นก็ว่ายน้ำเกือบทุกวันและไม่เคยใช้ครีมกันแดด ผิวนี่พังและดำมาก จนพอมาเจอคุณพ่ออีกครั้ง เค้าจำเราแทบไม่ได้เลย"



เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ปัญหาสิวก็ปะทุขึ้นและเป็นอยู่อย่างนี้นานมาก "ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งทำงานนี่ใบหน้าไม่เคยว่างเว้นจากสิวเลย ยิ่งตอนมาช่วยคุณพ่อทำบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องจักร ต้องเดินทางและเจอฝุ่นอยู่ตลอด จนกระทั่งเปลี่ยนมาทำงานประจำที่บริษัท American Express เป็นผู้จัดการ ดูแลลูกน้องหลายคนและทำงานเยอะมากแทบไม่มีวันหยุด คราวนี้เป็นสิวหนักมาก ขนาดทุกวันนี้ยังมีรอยแผลเป็นให้เห็นอยู่เลยนะ"


เข้าใจผิดมาตลอดว่าสกินแคร์ต้องแพงที่สุดถึงจะดี
ตอนที่คุณนารีเป็นสิวครั้งแรก คุณพ่อพาเธอไปเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้าง เพื่อหาสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาสิว แต่ใช้ไปก็ไม่หาย จนกระทั่งพอมีรายได้ก็ซื้อเองและลองเยอะมาก "บอกได้เลยว่าตอนนั้นลองมาหมดทุกแบรนด์แล้วจริงๆ ใครว่าดีเราซื้อหมด แต่ก็ยังเป็นสิวอยู่ เพราะเข้าใจว่าสกินแคร์ต้องแพงถึงจะดีที่สุด ทั้งที่จริงๆแล้ว ครีมตัวนั้นอาจจะไม่เหมาะกับผิวเราเลยก็ได้"


หลังจากนั้นเธอตัดสินใจว่าไปหาหมอดีกว่า "ช่วงนั้นเปลี่ยนหมอบ่อยมาก แต่รักษายังไงก็ไม่หาย เลยไม่ไปอีก สกินแคร์ก็แทบจะไม่ใช้ ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ตามร้านขายยาที่ไม่มีน้ำหอมและดูแลผิวตามสภาพ ก็ดีขึ้นแต่ยังเป็นๆ หายๆ "


จากหนังสือความงามเล่มหนึ่ง กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ชีวิตเธอก้าวเข้าสู่โลกแห่งความงาม
“ไปเดินเล่นในร้านหนังสือ ก็ไปสะดุดกับเล่ม "Don't Go to the Cosmetics Counter Without Me” ของ Paula Begoun ซึ่งเธอเป็นบิวตี้เอ็กซ์เปิร์ตและเจ้าของแบรนด์ Paula's Choice แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจในผลิตภัณฑ์ของเธอเลยนะ หลังจากได้อ่านแล้วถึงได้รู้ว่าของแพงใช่ว่าจะดีที่สุดเสมอไป และเข้าใจถึงส่วนผสมในสกินแคร์ต่างๆ มากขึ้น"

และนั่นจุดประกายให้คุณนารีอยากไปศึกษาต่อด้านความงามเพิ่มเติม "ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย 3 เดือน เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสมความงามต่างๆ ระหว่างนั้นก็ได้ลองสกินแคร์ของประเทศออสเตรเลียไปด้วย ปรากฏเวิร์คนะ! ผิวเราดีขึ้น เลยเกิดความคิดว่า ไหนๆ จะหันเหเข้าสู่ธุรกิจความงามแล้ว ลองเอาผลิตภัณฑ์เข้ามาขายในบ้านเราซะเลย"


บิวตี้สโตร์สไตล์ Selected Shop จึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
หลังจากเดินทางกลับมา คุณนารีได้เปิดร้านบิวตี้สโตร์รวมแบรนด์จากประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งแรกที่สยามดิสคัฟเวอรี่ภายใต้ชื่อ The AUSSHOP (ดิ ออส ช้อป) “ร้านอยู่ชั้น 2 มีสินค้าอยู่สิบกว่าแบรนด์ ตอนนั้นแทบไม่มีใครทำร้านสไตล์ Health & Beauty เราเลยขายดีในกลุ่มนิชหรือผู้ที่ชอบแบรนด์แปลกๆ ใหม่ๆ ซึ่งสยามดิสคัฟเวอรี่นี่ใช่เลย เพราะทาร์เก็ตลูกค้าแนวนี้มีเยอะ"

ช่วงเวลานั้น Paula's Choice เองก็กำลังขยายฐานการตลาดมาที่ประเทศแถบเอเชีย ทางทีมโกลบอลได้มาเซอร์เวย์ เพื่อหาสถานที่ซึ่งน่าจะเหมาะกับแบรนด์ และก็มาสะดุดตาที่ร้าน The AUSSHOP "ปี ค.ศ. 2007 ทางแบรนด์เริ่มติดต่อเข้ามาอยากให้เรานำสินค้าของเขามาขายเพราะชอบในคอนเซ็ปต์ที่ไม่ใช่เคาน์เตอร์แบรนด์ แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นยังไม่สนใจ เพราะเราไม่เคยใช้แบรนด์เค้าเลยและภาษีจากอเมริกานี่แพงมาก เราอยากให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีในราคาไม่แพง"


ตื๊อกันอยู่ถึง 2 ปีในที่สุดก็ตัดสินใจนำ Paula's Choice เข้ามาขายเป็นครั้งแรก
“เค้าตื๊อเราอยู่นานมากและให้ลองสินค้าด้วย ตอนนั้นผิวยังเป็นสิวอยูู่ ก็เลยลองเพราะอยากพิสูจน์ ปรากฏสิวหาย! ผิวเราดีขึ้นจริง จากนั้นก็เลยลองเอาเข้ามาขาย และกลายเป็นแบรนด์จากประเทศอเมริกาแรกของร้านด้วย ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักเลย แต่โชคดีที่ยุคนั้นสื่อออนไลน์และบิวตี้บล็อกเกอร์เริ่มมาแรงแล้ว ทำให้แบรนด์ Paula's Choice ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว"




BHA และ AHA คือสองดาวเด่นที่ทำให้ Paula's Choice ดังชั่วข้ามคืน

คนไทยส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องผิวมันและเป็นสิว แถมบ้านเราก็อากาศร้อนและมีฝุ่นด้วย Skin Perfecting 2% BHA Liquid และ Skin Perfecting 8% AHA Gel จึงเป็นสองตัวที่หลายคนใช้แล้วเวิร์คมาก นอกจากช่วยเรื่องสิวและผิวมันแล้ว ส่วนผสม 2 ตัวทั้ง BHA และ AHA ยังช่วยสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย ผิวจึงแข็งแรงขึ้น สามารถลดการเกิดสิวในอนาคตได้ด้วย




หลังจากรีโนเวตสยามดิสคัฟเวอรี่ ร้าน Paula's Choice ก็เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ
มีอยู่ช่วงนึงที่ร้าน The AUSSHOP ต้องย้ายไปสยามพารากอน เพราะสยามดิสคัฟเวอรี่ปิดปรับปรุงพื้นที่ 2 ปี จนกระทั่งเมื่อเราได้กลับมาอยู่ที่ชั้น 3 โซน Creative Lab เลยเปลี่ยนชื่อเป็นร้าน Paula's Choice อย่างเป็นทางการ เพราะสินค้าก็เยอะขึ้นมีถึงร้อยไอเท็ม และแบรนด์ก็ติดตลาดแล้ว เลยคิดว่าน่าจะเปิดเป็นร้านแบรนด์เดียวและครบวงจรไปเลยดีกว่า




"Paula's Choice สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นสาขาแฟล็กชิพที่มีสินค้าครบทุกไอเท็ม มีเภสัชกรประจำที่ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ลูกค้าสามารถวอล์คอินเข้ามาสอบถามได้เลย และที่นี่ยังจัดเวิร์คชอปให้ความรู้ลูกค้าและสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ได้ตลอดเวลาด้วย"



และด้วยคุณภาพของสินค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Paula's Choice ได้รับความไว้วางใจในกลุ่มคนไทยมานานถึง 10 ปีแล้ว และสาขาใหม่ที่ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่นี้เป็นสาขาเดียวที่มีสินค้าครบสมบูรณ์ที่สุด พร้อมเปิดบริการให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าอย่างเป็นส่วนตัว แล้วรับรองว่าทุกปัญหาผิว ล้วนมีทางออกอย่างแน่นอน


สุดยอดผลิตภัณฑ์ Paula's Choice ที่ไม่ควรพลาด
Booster
บูสเตอร์อุดมด้วยส่วนผสมของสารออกฤทธิ์เข้มข้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละสภาพผิว สามารถใช้ตัวใดตัวหนึ่งหรือใช้รวมกันได้โดยลงที่กังวลมากที่สุดก่อน นอกจากนี้ยังสามารถหยดผสมกับเซรั่มหรือครีมบำรุงเพื่อประหยัดเวลาได้เช่นกัน มีให้เลือกทั้งหมด 5 ส่วนผสม คือ
Peptide Booster (2,000 บาท) มีเปปไทด์เข้มข้นถึง 8 ชนิดเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย, ลดเลือนริ้วรอยและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกัน สามารถใช้ได้เช้า-เย็น
C15 Booster (2,200 บาท) วิตามินซีเข้มข้นเป็นชิ้นยอดนิยมเพราะช่วยแก้ปัญหาผิวได้ครอบจักรวาลทั้งลดเลือนริ้วรอย, ปกป้องผิวจากมลภาวะ, ปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นและลดเลือนจุดด่างดำ ใช้ได้เช้า -เย็น สำหรับตอนเช้าควรตามด้วยครีมกันแดด
10% Niacinamide Booster (1,800 บาท) คือวิตามินบี 3 ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ให้คุณค่าสูงทั้งลดเลือนริ้วรอย, ลดการอักเสบของเซลล์ผิว, ลดเลือนกระ ฝ้า จุดด่างดำและยังกระชับรูขุมขนด้วย สามารถใช้ได้เช้า-เย็น
1% Retinol Booster (2,200 บาท) แนะนำสำหรับวัยประมาณ 35 ปีขึ้นไปเพราะเป็นส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้ดีที่สุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสร้างเซลล์ผิวใหม่ ส่วนปริมาณในบูสเตอร์นี้ยังเข้มข้นที่ใช้แล้วเวิร์คแต่ยังอ่อนโยนต่อผิว แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนกลางคืน และอย่าลืมทาครีมกันแดดในตอนเช้า
Hyaluronic Acid (2,000 บาท) ดีมากสำหรับทุกสภาพผิวเพราะช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้นและอวบอิ่มขึ้น ผิวจะเรียบเนียนและริ้วรอยลดเลือนลงด้วย สามารถใช้ได้เช้า-เย็น




Skin Perfecting 2% BHA Liquid (1,250 บาท) และ Skin Perfecting 8% AHA Gel (1,250 บาท)
2 ดูโอที่ขายดีที่สุดและเป็นชิ้นที่ คุณพอลล่า ใช้มาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงทุกวันนี้ เพราะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและปรับสีผิวให้กระจ่างใส โดย BHA ช่วยทำความสะอาดล้ำลึกถึงในรูขุมขน ใครมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย แนะนำตัวนี้ ส่วน AHA จะช่วยผลัดเซลล์เก่าบริเวณผิวชั้นบน ใครเป็นฝ้า กระ แต่ไม่ค่อยเป็นสิว แนะนำให้ใช้ตัวนี้เลย แต่สามารถใช้ทั้งคู่ร่วมกันได้ โดยลง BHA เป็นโลชั่นน้ำเช็ดผิวก่อน แล้วตามด้วย AHA ซึ่งเป็นเนื้อเจลบางเบา แล้วตามด้วยครีมบำรุง เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงและเสริมสร้างคอลลาเจน




CLEAR Oil-Free Moisturizer (1,250 บาท)
กลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวมัน มีเซราไมด์สูตรเชียร์และไนอาซินาไมด์ช่วยให้ความชุ่มชื้นโดยไม่อุดตันรูขุมขนและยังช่วยปลอบประโลมผิวด้วย มีทั้งครีมสำหรับกลางวันและกลางคืน




Defense Skincare System
กลุ่มสกินแคร์ใหม่ล่าสุดช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สินค้ามีครบไลน์ ได้แก่
Hydrating Gel-to-Cream Cleanser เจลครีมเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวช่วยทำความสะอาดล้ำลึก (900 บาท)
Antioxidant Pore Purifier เซรั่มบำรุงอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวและเคลียร์รูขุมขน (1,490 บาท)
Essential Glow Moisturizer SPF30 มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นบางเบาช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสียูวี (1,490 บาท)
Nightly Reconditioning Moisturizer ไนต์ครีมช่วยฟื้นฟูจากการเผชิญกับมลภาวะมาตลอดวัน (1,150 บาท)




3 ไอเท็มที่คุณนารีขาดไม่ได้
-  RESIST Advanced Soothing Treatment 10% AHA (1,350 บาท)
-  1% Retinol Booster (2,200 บาท)
-  RESIST Anti-Aging Eye Gel (1,390 บาท)



“อยู่ในวัยเลขสี่อัพแล้ว ริ้วรอยเริ่มมา สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ AHA และเรตินอล จะใช้คู่กันเลย เพราะส่วนผสมเค้าอ่อนโยนแต่เห็นผลจริงๆ ส่วนอายเจลนี้ดีทั้งช่วยลดริ้วรอยและยังมีแอพลิเคเตอร์ทำจากวัสดุให้ความเย็น ช่วยลดตาบวมและสดชื่นผิวดีด้วย"




“รางวัลที่น่าภาคภูมิใจมากเพราะเป็นคนเดียวในโลกที่ได้รับรางวัลจาก Paula's Choice โดยเป็นผู้ที่ทำให้มีผลิตภัณฑ์ 10% Niacinamide Booster เกิดขึ้นซึ่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ของโลก”

“ในเมื่อคุณพอลล่าผลิตวิตามินซีบูสเตอร์ถึง15% ได้ เราก็คิดว่าทำไมถึงไม่มีส่วนผสมไนอาซินาไมด์ให้มากกว่านี้บ้างหล่ะ ซึ่งแต่ก่อนนี้มีการใช้สารตัวนี้ในสกินแคร์แค่ 0.5% เอง ซึ่งมันน้อยมากและแทบไม่เห็นผลอะไรเลย จริงๆแล้วไนอาซินาไมด์เป็นสารต่อต้านริ้วรอยและกระชับรูขุมขนที่ดีมาก เราไปเรียนทางด้านส่วนผสมมาถึงรู้ว่าสามารถใช้สารนี้ในปริมาณเยอะได้โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ก็เลยเสนอกับทางทีมโกลบอลไปว่าน่าจะทำออกมาเป็น 10% ซึ่งเวิร์คกับผิวและยังอ่อนโยนอยู่ ลูกค้าคนไทยเราต้องชอบแน่ๆ เลย ในที่สุดก็ออกมาเป็นสกินแคร์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2014 แต่ตอนนี้เปลี่ยนแพคเกจจิ้งใหม่แล้ว และขายดีไปทั่วโลก ทางทีมงานถึงกับบินมาให้รางวัลเราถึงที่ประเทศไทยเลย"





Paula's Choice ในยุคแรกเริ่มเมื่อปี ค.ศ. 1995 มีสินค้าเพียงแค่ 8 ไอเท็มเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้มีกว่า 100 ไอเท็มแล้ว ซึ่งทุกชิ้นผลิตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา



Paula's Choice ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ โซน Creative Lab (ใกล้ทางออกไปอาคารจอดรถ)

YOU MAY ALSO LIKE