BACK TO EXPLORE

CHAR ชาดอกไม้บานสะพรั่งพร้อมหยุดเวลาความเครียดจากทุกสิ่ง

ความสุนทรีย์เวลาดื่มและมองเห็นความสวยของธรรมชาติในกาน้ำชา

ตอนนี้วัฒนธรรมการดื่มชากำลังมาแรงมาก โดยเฉพาะบางคนที่อยากดื่มชาที่ไม่มีคาเฟอีน แล้วยังรู้สึกว่าอยากมีช่วงเวลา tea time สวยๆ ชงชานั่งมองดอกไม้ อ่านหนังสือ ดูท้องฟ้า เราสามารถสร้างโมเมนท์ที่อยากหยุดเวลาทุกอย่างเอาไว้ที่กาน้ำชาใบใสกับดอกไม้ที่บานเต็มดอก จิบความหอมของธรรมชาติมาไว้ในตัวเรา นี่เลยทำให้เราชอบชาดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดตอนนี้กับ CHAR แบรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจในทุกดีเทล



ชาดอกไม้รสชาติเบาๆ ที่อยากให้คนไทยได้ลอง

แบรนด์ CHAR เริ่มต้นขึ้นจาก 3 หุ้นส่วนที่มาจากคุณพิม –  ศิริพิม อภินันทกุลชัย และคุณดี – ณฤดี อภินันทกุลชัย สองพี่น้องที่ทำธุรกิจส่งออกได้เดินทางไปทำงานหลายประเทศ มีโอกาสเจอกับวัฒนธรรมดื่มชาดอกไม้ทำให้อยากส่งต่อไอเดียนี้ให้กับคนไทย คุณพิม หนึ่งในผู้ก่อตั้งเล่าให้ฟังว่า “เราชอบชาอยู่แล้วอาชีพหลักทำให้ได้เดินทางไปหลายประเทศ เราไปทำงานแล้วจะหาว่าที่นั่นมีชาอะไรดัง จะตั้งใจไปดื่มแล้วซื้อกลับมา พอมีชาเยอะขึ้นจากหลายที่ เราเริ่มเห็นว่าเราชอบชาที่มีส่วนผสมของกลิ่นดอกไม้ ไม่ได้ชอบชาเข้มๆ เพราะเรารู้สึกสดชื่น ชอบความซับซ้อนของกลิ่น เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ยังไม่มีใครทำ เราเลยลองเป็นคนรวมแต่ละชาจากหลายๆ ที่เข้ามารวมทั้งของไทยเองด้วย”

เป็นจังหวะที่ดีที่คุณพิมและคุณดีได้เจอกับคุณเบสซึ่งมีความถนัดด้านการสร้างแบรนด์และงานการตลาด จึงลองคิดสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา “ผมทำงานด้าน branding และ marketing อยู่แล้ว นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ตอนแรกเราเริ่มต้นจากนำเข้าดอกไม้จากต่างประเทศ จากนั้นเริ่มพัฒนาดอกไม้ไทย ไปคุยกับสวนเกษตรกรไทย เรามองไว้หลายชนิด แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มีแมลงเยอะ ทำให้ตัดดอกไม้แต่ละชนิดออกไปค่อนข้างเยอะ สวนหลายแห่งใช้ยาฆ่าแมลง สุดท้ายมาเจอเป็นดอกบัว ปกติชาบัวมีอยู่แล้วในรูปแบบเป็นใบๆ แต่ด้วยคอนเซปท์ของแบรนด์เรา ต้องสวย ได้อรรถรสเวลาดื่ม เลยขอเข้าไปพัฒนาให้เวลาใส่ในกาเป็นบานเต็มกา เราเลือกเป็นบัวสาย เพราะบัวเป็นพืชที่เติบโตในประเทศไทยง่าย แต่สิ่งที่เราเป็นใส่ใจเป็นพิเศษคือเราใช้ดอกไม้นั้นในการกิน ดังนั้นดอกไม้ที่เห็นเราอยากให้มาจากสวนที่ไม่มียาฆ่าแมลง ต้องส่งตรวจให้ได้คุณภาพจริงๆ”

 

CHAR มีความหมายนอกจาก “ชา”

คุณเบสอธิบายว่า CHAR ไม่ใช่สื่อถึงตัวชา แต่ตัวอักษร 4 ตัวนี้มาจาก

C – Charming สวย มีเสน่ห์ ดึงดูดใจ

H – Healthy เพราะไม่ใส่สี ไม่ปรุงแต่งน้ำตาล

A – Aromatic มีกลิ่นหอม

R – Relax ดื่มแล้วผ่อนคลาย

ดังนั้นสินค้าทุกตัวต้องตอบโจทย์ 4 อย่างนี้ ดื่มแล้วไม่ทำลายสุขภาพ มีกลิ่นหอมเพลิดเพลินใจ จึงทำให้ไม่ได้มีดอกไม้หลายชนิดที่ทางแบรนด์จะนำมาทำชาได้ รวมทั้งยังต้องปลอดภัยมี อย. ให้มั่นใจได้ออกมาเป็น 7 ชนิดชาดอกไม้ ได้แก่ ชาเก๊กฮวยขาว ชาลิลลี่ ชาเก๊กฮวยจักรพรรดิ ชากุหลาบ ชาดอกบัวสาย ชาบัว ชาดอกไม้บานหรือ blooming tea ซึ่งเป็นชนิดเดียวที่มีคาเฟอีน

 

“สินค้าทุกตัวต้องอยู่ในคอนเซปท์ทั้ง 4 แบบ แต่ละแบบต้องบานสวยเต็มกา ชิมดื่มได้อรรถรส กลิ่นต้องหอม เราเลือกดอกไม้ที่แตกต่างในมุมมองรสชาติ กลิ่น ความสวยงาม มีประโยชน์ตามแบบของตัวเอง อย่างชาเก๊กฮวยดื่มให้ผ่อนคลาย หลับสบาย ดอกไม้แต่ละดอกมีคุณค่าซ่อนอยู่เป็นผลพลอยได้ แต่ CHAR จะโฟกัสที่ความสวยงามและการดื่มมากกว่า” สำหรับการผลิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องคัดเลือกดอกไม้ที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่ใช่ทุกดอกจะมาเป็นชาได้ คุณเบสเล่าว่า “จริงๆ แล้วมี 2 แบบ ทั้งแบบอบมาก่อนตามกรรมวิธีของเราแล้วส่งมาแพค กับส่งดอกสดๆ มาอบที่โรงงานของเรา แล้วแต่ว่ามาไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประเทศที่เอาเข้ามา ถ้ายุโรปต้องเดินทางนาน อาจเสียคุณภาพก็อบจากที่นั่นเลย หรือในจีนมีที่อบอยู่แล้วคุณภาพดีกว่า แต่บางดอกต้องอบพิเศษกว่าปกติเพราะดอกมีชั้นหนา อย่างดอกบัวก็ส่งมาอบที่เรา ซึ่งตอนแรกเราอยากได้บัวหลวงมาทำชา เพราะสวยมาก แต่ชั้นดอกหนาทำให้ผ่านการอบแล้วยังไม่แห้งเข้าถึงข้างในสุดเลยยังนำมาทำไม่ได้”

อีกเรื่องที่ควรรู้เลยคือคุณภาพของชาเต็มดอกมีความแตกต่างกับโดยเฉพาะดอกที่เต็มกับดอกที่ร่วง ดอกที่มาจากต้น มูลค่าต่อกรัมหรือต่อขีดจะสูงกว่าพวก loose tea ที่เอาทุกใบมาป่น CHAR จึงต้องคัดดอกที่ดีที่สุด ดอกที่เล็ก ใบแหว่ง ใบร่วงไม่สวยต้องคัดออก ดังนั้นหลังรับมาจากสวนอาจจะใช้ได้แค่ 50% ก็มี คุณพิมเสริมว่า “ดอกเก๊กฮวยขาวเราคัดที่ราคาค่อนข้างสูง เพราะเกรดเก๊กฮวยเยอะ ถ้าใครดื่มจะรู้ว่าชาของเรามีคุณภาพมากกว่าเก๊กฮวยปกติทั่วไป

 

ทำไมต้องเป็นชาดอกไม้ 7 ชนิดนี้?

คุณพิม คุณดี คุณเบสลองชาดอกไม้มาแล้วทั่วโลก แต่ข้อจำกัดของดอกไม้แบบต่างๆอาจทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์ที่ดีที่สุด เพราะดอกไม้ปกติทั่วไปลองตั้งค้างไว้ กลิ่นจะหายค่อนข้างเร็ว รวมทั้งพวกเขายังต้องไปดูที่สวนว่าได้มาตรฐาน มีสารเคมีหรือเปล่า “เราชิมมาเยอะมาก เพื่อนผมมาจากเกาหลีเอาชาดอกไม้มาให้ลองชิมเยอะแต่ก็ใช้ไม่ได้เลย รสชาติยังไม่เหมาะ ต้องเป็นรสชาติที่คนไทยเข้าใจได้ เหมือนดอกกุหลาบหลายชนิดก็มีความหอมต่างกัน บางทีสวยมากเลย อยากขายมากแต่ก็ยอมตัดใจไปหลายชนิด” ดังนั้นชาดอกไม้ 7 ชนิดของ CHAR คือความกลมกล่อมที่สุด


คุณพิมใช้ประสบการณ์ที่ได้ลองชาดอกไม้มามากมายแล้วพบว่า “เก๊กฮวยจักรพรรดิ มีประวัติมาตั้งแต่สมัยก่อนที่จะใช้เฉพาะในวัง ด้วยความที่ราคาสูงและหายาก เป็นดอกไม้มงคล มีความหมายดี เราพยายามคัดสรรหามาเป็นสายพันธุ์หายาก ราคาจึงสูงกว่าทั่วไป นอกจากความหมายดี มีฤทธิ์เย็น บำรุงตับ ลดความร้อนในร่างกาย หรือกุหลาบสายพันธุ์เยอรมัน มีกลิ่นหอม ดอกขนาดใหญ่ หนึ่งดอกชงได้ถึงหนึ่งกา เรานำเข้าดอกเก๊กฮวยทั้ง 2 ชนิดจากจีน เป็นเกรดพรีเมียม ชาลิลลี่มาจากเนปาล เพราะต้องเติบโตในพื้นที่เย็น บนเทือกเขาหิมาลัย บลูมมิ่งทีก็มาจากหลายที่ เช่น จีน อังกฤษ เราไปดูเองทุกสวนว่าเขาไม่ใช้ยาฆ่าแมลงจริงๆ สินค้าต้องตอบโจทย์ก่อนจะออกมาให้ผู้บริโภค ถึงมีคนส่งดอกไม้ให้เราชิม แต่ก็ต้องไปดูเองอยู่ดี”

 

ชงชาดอกไม้ให้ได้กลิ่นหอมธรรมชาติที่สุด

เทคนิคการชงชสไม่ยากเลย ถ้าเป็นชาบลูมมิ่งทีเป็นชนิดเดียวที่มีคาเฟอีน เป็นการร้อยดอกไม้ระหว่างใบชาขาว เช่น มะลิ เบญจมาศและบานไม่รู้โรย ให้ใส่น้ำร้อนก่อนแล้วค่อยใส่ชา แต่ถ้าเป็นดอกไม้อื่นๆ ก็เอาชาใส่ในกาแล้วเติมน้ำร้อน จากนั้นเทน้ำออกเพื่อเป็นการวอร์มชา เทน้ำร้อนอีกครั้งให้ท่วมดอกไม้เต็มกา ทางแบรนด์แนะนำว่าให้คว่ำดอกลงเพื่อให้หน้าดอกไม้โดนน้ำร้อนให้มากที่สุด เพราะกุหลาบมีกลีบซ้อนกันเยอะ ถ้าหงายอาจได้รสชาติไม่เต็มที่

หลังสร้างแบรนด์มาปีกว่า ฟีดแบ๊กที่ได้รับนั้นเกินคาด นอกจากจะมีวางขายที่ ODS ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่แล้ว ยังกระจายออกไปสั่งดื่มได้ตามร้านคาเฟ่และโรงแรมห้าดาวมากมาย ความภูมิใจไม่ใช่แค่คนชอบและมาซื้อ แต่ CHAR ยังส่งเสริมเกษตรกรที่พวกเขาสั่งซื้อ เช่น สวนบัวหลายๆ แห่ง ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าสินค้าขายได้ เกษตรกรก็มีรายได้

 


แล้วคุณล่ะพร้อมจะมีช่วงเวลาจิบชาดอกไม้บานสะพรั่งเต็มกาหรือยัง มาเลือกดอกไม้ที่คุณชอบรวมทั้งเซ็ตชาที่มอบให้เป็นของขวัญแบบมีไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ CHAR ได้แล้วที่ ODS ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่