BACK TO EXPLORE

เพื่อนกันทำแบรนด์ด้วยกัน จากที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้ จนวันนี้ได้ทั้งรางวัลและได้ออกแฟร์ระดับโลก!

กระเป๋าที่เกิดจากความคิด ความมุ่งมั่น กับดีไซน์เรียบๆ ผสานความเป็นญี่ปุ่น และให้ฟังก์ชั่นนำ

เพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน สกิลล์ที่เด่นกันคนละด้าน แต่ร่วมความฝันเดียวกัน “Jap Fac” เป็นแบรนด์กระเป๋าอีกแบรนด์จากดีไซน์ของน้องๆ วัยยี่สิบซัมธิงส์ ความสดในความคิด และความมุ่งมั่นของทั้ง “นัท คณัสนันท์ เข็มทอง” และ “เจน เจนจิรา ทรัพย์สกุล” เพื่อนที่เรียนจบมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรด้วยกัน ทำให้แจ๊ปแฟ็คเป็นกระเป๋าเน้นฟังก์ชั่น มีลูกเล่น แบบทันสมัย มีความเป็นญี่ปุ่นเล็กๆ และใครๆ ใช้ก็รักแจ๊ปแฟ็คกันทั้งนั้น

อยากชวนทุกท่านมาดูงานดีไซน์จากน้องๆ ทั้งสองกันได้ที่ “โซน ODS ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่” กระเป๋าน่าใช้ๆ หลายดีไซน์ ชวนให้นึกอยากรู้ต่อว่า แล้วน้องๆ เขาสร้างแบรนด์กันมาได้ยังไงนะ เริ่มถามก่อนเลยว่าชื่อแบรนด์ย่อมาจากอะไรหรือเปล่า? นัทกับเจนเล่าให้ฟังว่า…

 

ความสนใจแรกในการสร้าง Jap Fac

“ชื่อแบรนด์ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย คือพอตัดสินใจทำแบรนด์ แล้วนึกอะไรได้ก็เอามารวมกัน ความหมายไม่มี แต่จะหมายถึงเวลานั้นล่ะที่เราเริ่มทำกันมากกว่า” น่าจะเป็นเพราะความสด ตัดสินใจทันทีของนัทและเจน จึงเกิดเป็นแจ๊ปแฟ็คขึ้นมาได้เดี๋ยวนั้น และพอมาถึงเรื่องไอเดีย เรื่องดีไซน์ ก็มาจากความสนใจจริงๆ ของน้องๆ ในการคิดงาน ทั้งสองสนใจเหมือนกันคือเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน “ตอนคิดคือกำลังสนใจเสื้อผ้า กระเป๋าที่มีดีเทล อยากใส่ดีเทล ใส่ฟังก์ชั่นเข้าไป แล้วให้ดีไซน์เรียบๆ ให้ฟังก์ชั่นนำ”

 

คิด ดีไซน์ และเชื่อ จนได้รับรางวัล

ฟังก์ชั่นในความเป็น Jap Fac ของน้องๆ ก็คือ กระเป๋าลุคจะเรียบ แต่จะต้องใช้งานได้หลายอย่าง คือทั้งใส่คอมพิวเตอร์ได้ ใส่สัมภาระอื่นๆ ได้ และต้องกลับด้านไปมาได้ ก็จะเห็นมุมมองกระเป๋ารอบด้าน และความตั้งใจของน้องทั้งสองนี่ล่ะที่จะคิดงานในแบบที่ตัวเองสนใจแบบนี้ ทำให้ได้รับรางวัล “DEMARK Award 2018” ใบที่ได้นัทและเจนเล่าว่า “ใบที่ได้รับรางวัลเราคิดแบบ ข้างในรับแรงกระแทกได้ สะพายข้างหลังได้ เป็นกระเป๋าโท้ทถือง่ายๆ ก็ได้ ออกทริปเดินทางเลยก็ได้ ช่องต่างๆ อาจดูธรรมดา แต่จริงๆ พอได้ใช้จะรู้ว่าตอบโจทย์หมด แบ่งช่องใส่ที่ชาร์จแบต ใส่เมาส์ ใส่อุปกรณ์ต่างๆ ให้หยิบง่ายทั้งหมด” คอนเซ็ปต์หลักๆ ของเขาคือ กระเป๋าหนึ่งใบจะใช้งานได้มากกว่าหนึ่งทรง เรียกว่าเป็น Daily และ Functional

เรื่องฟังก์ชั่นแล้ว นัทกับเจนเรียนดีไซน์มาด้วยกันขนาดนี้ กระเป๋าแจ๊ปแฟ็คจึงมีดีไซน์ที่ใช้การเดินด้ายคู่กัน ลายเหมือนกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ ผ้าก็คือผ้าแคนวาส มีผ้าที่เป็นแบบลายเฉียง ความหนาก็ต้องเป๊ะตามที่ต้องการ และมีบางแบบที่นัทและเจนลองทลายกรอบเดิมๆ ที่เคยทำก็คือ “เราลองใช้ผ้าไนลอนกันน้ำด้วย และมีสายสลับเปลี่ยนกันได้สองสาย สามสายเพิ่ม” เรียกได้ว่าเมื่อคิดแล้ว ขอคิดให้จบ เอาให้สุดนั่นเอง

 

เริ่มขายครั้งแรก และครั้งต่อๆ ไป

พอได้โปรดัคท์ที่ชอบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการขาย ทำอย่างไรแบรนด์ Jap Fac ถึงได้ขายดีจนมีคนมาเห็นแล้วสั่งออเดอร์ และมาขายกันที่ ODS สยามดิสคัฟเวอรี่ได้ น้องๆ บอกว่า “เราออกอีเวนท์ที่งานมหาวิทยาลัยก่อน เอาทุกงานที่ทำไป แบกขึ้นแท็กซี่พร้อมกับราวแขวน ขึ้นรถตู้จากนครปฐมไปเลย ตอนนั้นออนไลน์ยังไม่บูม ก็ขายเอาสนุก” ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีเพื่อนๆ ชอบกระเป๋าแจ๊ปแฟ็คจนทำให้ทั้งสองคิดจะทำแบรนด์กันต่อ

“เราก็ขายกันตามงานแบบนี้ไป จนกระทั่งมีร้านหนึ่งที่สั่งออเดอร์เราเป็นร้อยสองร้อยใบ คือเราไม่เคยเจอคนสั่งเยอะขนาดนี้เลย ก็เลยต้องก้าวกระโดดกัน แล้วเราเริ่มเห็นกลุ่มคนซื้อที่เป็นต่างชาติ เริ่มเห็นความเป็นไปได้แล้วว่ามีคนซื้อ” หลังจากนั้นน้องๆ ได้คิดกันว่าจะไม่รอคนมาติดต่อขอซื้อ แต่จะรุกไปเองด้วย จึงไปเริ่มขายป๊อปอัพกันที่งาน Gift Wonderland มีขายที่สยามเซ็นเตอร์ ไปต่อที่ร้าน Loft และได้มาวางขายที่ ODS สยามดิสคัฟเวอรี่ ทั้งหมดก็มาจากการทลายความเชื่อของตัวเองไปเรื่อยๆ เปิดกว้างกับโลกภายนอก และใจที่สู้เสมอ กับจิตวิญญาณที่รักงานดีไซน์ของทั้งสอง

 

ในที่สุดสิ่งที่ไม่เคยเชื่อ ก็เกิดขึ้นจริง

“พอได้ทำแบรนด์ขาย ทำให้เราเปลี่ยนความเชื่อหลายๆ อย่าง ตอนแรกคิดว่าเราคงทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้เรากลับคิดว่า เราเป็นแบรนด์ที่เราอยากจะเป็นได้นี่นา เราขายในศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้” แจ๊ปแฟ็คไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะนัทและเจนได้ไปออกงานแฟร์ที่ต่างประเทศแล้ว และมียอดสั่งซื้อจากประเทศฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ได้ไปวางขายหน้าร้านที่นั่นด้วย ความฟินก็คือนัทและเจนบอกว่า “ขายที่เมืองไทยเราจะเหมือนพ่อค้าออนไลน์นะ แต่พอไปขายที่ต่างประเทศ เราคือดีไซเนอร์ เขาแฮปปี้ที่ได้เจอเรา เขามองที่ดีไซน์และคุณภาพมากกว่าการขายของเลย”

มาถึงจุดนี้ แล้ว Jap Fac ตั้งใจอะไรกับแบรนด์ต่อเอาไว้ น้องๆ บอกว่า “ช่วงนี้มาโฟกัสที่ไลฟ์สไตล์คนมากขึ้น อยากคิดโปรดัคท์ที่ทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้น อย่างโปรดัคท์ใหม่ของเราก็คือที่เก็บหูฟัง สายคล้องกล้อง สายแว่น ของเหล่านี้ฟังก์ชั่นดีนะ แต่ไม่ถูกดีไซน์ เราก็เลยเอามาดีไซน์เพิ่ม” น้องๆ ยังทำคอนเทนท์ในไอจี ทำวิดีโอเพื่อสร้างแบรนด์ และล่าสุดได้ครีเอทคาแร็คเตอร์การ์ตูนชื่อเจย์กับเจดออกมา นัทเป็นคนวาดขึ้น ความฝันของพวกเขาก็คือให้คาแร็คเตอร์นี้เดินทางเข้าไปในชีวิตของผู้คน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป

 

ถ้ามีใครอยากทำแบรนด์ของตัวเอง จะบอกว่า…

และสำหรับคนที่อยากสร้างแบรนด์แบบทั้งสอง นัทกับเจนบอกว่า “ถ้าคิดว่าอยากทำอะไร ให้ทำเลยนะ ไม่ต้องรอ ตอนแรกๆ จะเจอปัญหาก่อนแน่นอน แล้วอาจจะเครียดมาก แต่ให้ทำไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่าทุกปัญหาแก้ได้ และเราต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง เราต้องชอบของที่เราทำ และเชื่อตัวเองแล้ว ต้องฟังเสียงลูกค้าด้วย ทุกสิ่งอย่าปล่อยผ่าน รับฟังแล้วปรับปรุง เพราะว่าเราคิดทำมาเพื่อคนอื่น เพื่อให้เขาแฮปปี้กับของของเรา”

ยังมีอีกหลายๆ ฝันที่นัทและเจนอยากจะทำ อยากเปิดสตูดิโอ เปิดหน้าร้าน อยากเลือกของจากต่างประเทศมาคอลแลบกัน เขาอยากพัฒนาแบรนด์ และพัฒนาตัวเองคู่กันไปเรื่อยๆ ที่แน่ๆ วันนี้เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่หาเงินได้ด้วยตัวเอง ดูแลตัวเองได้ เขาภูมิใจกับมัน และยินดีที่จะเปิดกว้างถ่ายทอดสิ่งที่พวกเขาสร้างมาให้น้องๆ คนอื่นๆ ต่อไป

 


Jap Fac จึงเป็นแบรนด์ไทยที่น่าสนับสนุน และน่ามาดูชมกันใกล้ๆ ขอเชิญทุกท่านแวะมาที่ชั้น 3 โซน ODS สยามดิสคัฟเวอรี่ มาค้นพบแบรนด์ของเขาไปด้วยกัน และค้นหาสไตล์ที่เป็นตัวคุณกับเรา