BACK TO EXPLORE

สัมผัสความหอมมีระดับ ที่มาพร้อมรสนิยมเรียบหรูสไตล์อังกฤษกับ Jo Malone London

รู้จักกับโจ มาโลน ลอนดอน และเรื่องราวความหอมที่ทำให้กลายเป็นแบรนด์ยอดนิยมติดอันดับโลก!

นับตั้งแต่ “Jo Malone London” แบรนด์โคโลญและเครื่องหอม ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 ก็ทำให้โลกได้สัมผัสกับความหอมรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย เพราะมีคาแร็กเตอร์กลิ่นที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทุกกลิ่นออกแบบให้สามารถผสมผสานกันได้ จนกลายเป็นความหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล รวททั้งภาพลักษณ์ที่ดูคลีน เรียบง่าย แต่แฝงความคลาสสิคเรียบหรูในแบบอังกฤษเอาไว้ จึงไม่แปลกเลยที่ โจ มาโลน ลอนดอน จะติดอันดับท็อปแบรนด์กลิ่นหอมระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว

อีกหนึ่งจุดเด่นของ โจ มาโลน ลอนดอน คือ การใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติจากแหล่งดีที่สุดทั่วโลก และมีความครีเอทีฟในสร้างสรรค์กลิ่นสูงมาก โดยโคโลญแต่ละกลิ่นจะตั้งชื่อตามส่วนผสมหลักที่ใช้ และนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาช่วยในการสกัดกลิ่นจากธรรมชาติให้มีความเข้มข้นสูง ซึ่งผู้ใช้จะสามารถสัมผัสถึงกลิ่นนั้นได้อย่างชัดเจน แต่พอฉีดโคโลญบนผิวกายแล้ว กลับได้ความหอมที่ซับซ้อนและยากจะคาดเดา ซึ่งนั่นแหละคือเสน่ห์ที่ทุกคนต้องการมากที่สุด



อย่างไรก็ตาม โจ มาโลน ลอนดอน ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์โคโลญเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเรียกว่าเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ถึงจะถูก เพราะนอกจากโคโลญแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์, ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมภายในบ้านและสเปรย์สำหรับฉีดผ้าหอมอีกด้วย แต่ละกลิ่นใช้วัตถุดิบชั้นเลิศและผ่านกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน ส่วนแพคเกจจิ้งดีไซน์ยังดูเรียบหรูทำจากวัสดุแก้วคุณภาพดี สามารถเป็นของตกแต่งที่วางบริเวณไหนของบ้านก็ดูสวยงามและโมเดิร์น ช่วยเสริมสร้างไลฟ์สไตล์มีระดับแบบผู้ดีอังกฤษอย่างแท้จริง


คำว่า 'Cologne' ไม่ได้หมายความว่ากลิ่นจะอ่อนบางกว่าน้ำหอม

โจ มาโลน ลอนดอน ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ว่า 'โคโลญ' แทนคำว่าน้ำหอม เพราะเป็นคำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สะท้อนถึงเครื่องหอมส่วนบุคคลที่ดูสง่างามและภูมิฐาน ส่วนกลิ่นยังคงเข้มข้นและติดทนนานเช่นเดียวกัน ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cologne Intense ในแพคเกจจิ้งขวดสีดำ ไม่ได้หมายความว่า กลิ่นจะเข้มข้นกว่าขวดแก้วสีขาวอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่หมายถึงกลิ่นนั้นใช้ส่วนผสมที่ล้ำค่าและหายาก ที่มาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่นุ่มลึกผสานกับดอกไม้ชั้นสูงนานาชนิด เบลนด์กันจนได้กลิ่นหอมโมเดิร์นและหรูหรา จึงทำให้กลุ่ม Cologne Intense มีราคาที่สูงกว่า




สัมผัสความรื่นรมย์สูงสุดด้วยบริการนวดมือสุดพิเศษ

อยากทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์โจ มาโลน ลอนดอน อย่างลึกซึ้งแถมยังรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย ลองมาใช้บริการนวดมือและแขนที่ “Tasting Bar” ที่เคาน์เตอร์ Jo Malone London ชั้น G สยามดิสคัฟเวอรี่ กันดู โดยสามารถเลือกกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่มีทั้งโลชั่นและครีมตามชอบ โดยผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายถึงวิธีการเลเยอร์กลิ่นให้ติดทนนาน เริ่มด้วยการเช็ดมือและทำความสะอาดด้วยผ้าเนื้อนุ่ม จากนั้นเริ่มนวดมือและแขนซึ่งต้องบอกว่ารู้สึกเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่งเลย เสร็จแล้วปิดท้ายด้วยโคโลญซึ่งสามารถเลือกใช้กลิ่นเดียวกับบอดี้ครีม หรือเลือกกลิ่นที่ต่างกันเพื่อได้ความหอมที่แปลกใหม่ก็ได้




บริการสร้างสรรค์กลิ่นหอม เพื่อหากลิ่นที่ใช่สำหรับเรา

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อกลิ่นไหนดี หรืออยากหาความหอมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง โจ มาโลน ลอนดอนก็มีบริการที่เรียกว่า “Fragrance Combining” เป็นการนำโคโลญ 2 กลิ่นมาผสมผสานกันจนได้กลิ่นใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งข้อดีของโคโลญแบรนด์นี้ คือ มีองค์ประกอบของกลิ่นที่ไม่ซับซ้อน และมีความบางเบา ฉะนั้นไม่ว่าจะผสมกลิ่นใดเข้าด้วยกันก็ไม่ทำให้รู้สึกหนักหรืออบอวลจนเกินไป และถึงแม้แบรนด์จะมีไกด์ไลน์กลิ่นที่เหมาะจะใช้คู่กันอยู่แล้ว แต่เราก็สามารถเลือกเองได้ นับว่าช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับโคโลญที่ซื้อมาด้วย ใครที่อยากลองความหอมกลิ่นใหม่ๆ แนะนำให้มาลองรับบริการที่เคาน์เตอร์ รับรองว่าจะได้กลิ่นความหอมใหม่ที่ประทับใจอย่างเหลือเชื่อเลย



วิธีทดสอบการผสมผสานกลิ่นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

วิธีดมโคโลญ 2 กลิ่นในขั้นตอน Fragrance Combining ทางแบรนด์ใช้วิธีการที่มีเอกลักษณ์มาก นั่นคือการใช้กระดาษพิเศษสำหรับทดสอบกลิ่นหอม (Blotting Strip) มีลักษณะรูปทรงยาวปลายแหลม โดยใช้กระดาษสองชิ้น ฉีดโคโลญแต่ละกลิ่นลงกระดาษแล้วพับตรงปลายแหลมให้เฉียงออกด้านข้าง เพื่อให้ได้องศาที่เข้ากับรูปทรงของจมูกพอดี กลิ่นหอมจะชัดมาก ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่สะดวกและสะอาดด้วย



เพิ่มความรู้สึกพิเศษให้ลูกค้าด้วยบริการห่อของขวัญสุดประทับใจ

นับเป็นเสน่ห์ของโจ มาโลน ลอนดอน ที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจมากที่สุด (The Art of Giving) โดยไม่ว่าเราจะซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับมอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่นหรือซื้อให้กับตัวเอง ทางแบรนด์จะนำผลิตภัณฑ์ไปห่อใส่ถุงหรือกล่อง ฉีดน้ำหอมกลิ่นซิกเนเจอร์อย่าง Lime Basil & Mandarin ลงบนกระดาษห่อและผูกริบบิ้นปิดท้ายอย่างสวยงามทุกครั้ง แต่ละขั้นตอนดูมีความพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดสุดๆ ทำให้รู้สึกพิเศษมาก







กลิ่นหอมซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาดในฤดูกาลนี้!

โคโลญ 5 กลิ่นซิกเนเจอร์ขายดีตลอดกาล สำหรับใครที่ไม่เคยใช้โจ มาโลน ลอนดอนมาก่อน ทางแบรนด์จะแนะนำ 5 กลิ่นนี้เป็นหลัก ซึ่งแต่ละกลิ่นจะมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกัน เช่น ฟลอรัล, ฟรุ้ตตี้, วู้ดดี้ หรือซิตรัส ผู้เชี่ยวชาญจะพูดคุยและให้ข้อมูลรายละเอียดไปด้วย ซึ่งพอทราบแนวกลิ่นที่ชอบแล้ว ก็จะนำกลิ่นอื่นๆ ในกลุ่มที่ลูกค้าชอบมาให้เลือกเพิ่มเติมเพื่อหากลิ่นที่ถูกใจที่สุด



Blossom in Bloom Collection (Cologne 50, 100 มล. 2,700, 5,400 บาท)

คอลเล็กชั่นสุดพิเศษเฉพาะซัมเมอร์นี้เท่านั้น มาในสไตล์กลิ่นหอมสดชื่นของมวลดอกไม้ ฉีดแล้วเหมือนกับร่างกายถูกห้อมล้อมด้วยดอกไม้นานาชนิด และพิเศษสุดตรงแพคเกจจิ้งสีสันสวยหวานน่าเก็บสะสมมาก ประกอบด้วยกลิ่นขายดีอย่าง Orange Blossom (ขวดสีส้ม) และกลิ่นที่เคยเป็นรุ่นลิมิเต็ดในอดีต ได้รับความนิยมมากจนต้องนำกลับมาผลิตใหม่ อย่าง Star Magnolia (ขวดสีเขียว) และ Silk Blossom (ขวดสีชมพู) ต้องรีบกันหน่อยนะ เพราะมีจำนวนจำกัดเช่นกัน!



Frangipani Flower Cologne (50 มล. ราคา 2,700 บาท และ 100 มล. ราคา 5,400 บาท)

น้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดกลิ่นเดียวที่ครีเอทใหม่ล่าสุดสำหรับซัมเมอร์นี้โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับอากาศบ้านเรามาก โดยผสมผสานระหว่างดอกลีลาวดี มะลิ แซนเดิ้ลวู้ดและเลม่อน ให้กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ สายลมและแสงแดดอบอุ่น



ซัมเมอร์นี้ ขอชวนผู้หลงใหลในความหอมมาสัมผัสโลกแห่งกลิ่นหอมและการบริการระดับลักซ์ชัวรี่จาก Jo Malone London ได้ที่ชั้น G สยามดิสคัฟเวอรี่