Patom แบรนด์ออร์แกนิคที่พาเกษตรกรมายืนแถวหน้าอย่างภาคภูมิใจ
ทุกส่วนผสมธรรมชาติ คุณสามารถรู้ถึงชุมชนที่เพาะปลูกได้อย่างปลอดภัย

ในสายสกินแคร์ออร์แกนิค Patom เป็นแบรนด์ของคนชอบดูแลผิวด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ หยิบมาดูจะเห็นว่ามาจากกลุ่มเกษตรกรที่ไหนทำให้รู้สึกว่ามั่นใจและแน่ใจว่าเรากำลังได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่งแน่ๆ ถ้าคุณเพิ่งรู้จัก Patom เมื่อไม่กี่ปีมานี้ และสงสัยว่าแบรนด์นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจังหวัดนครปฐม คุณมาถูกทางแล้วล่ะ!



ถ้าเราบอกว่าแบรนด์นี้ต่อยอดมาจากธุรกิจสวนสามพรานที่คุณเคยไปกับครอบครัวตอนเด็กๆ คงต้องร้อง “อ๋อ!” กันทันที เพราะวันนี้หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง คุณฟี่-อนัฆ นวราช เขาเป็นอีกคนที่ได้ช่วยต่อท่อจากต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำมาเป็นผลิตภัณฑ์สุดมินิมัล เรียบง่ายแต่แฝงความหมายแทนความตั้งใจของเกษตรกรอย่างแท้จริง





เขามาเพื่อหาคำตอบของเกษตรอินทรีย์
สมัยก่อนตอนที่คุณพ่อคุณแม่พาไปเที่ยวนครปฐม ภาพของสวนสามพรานกับที่ท่องเที่ยวธรรมชาติยังอยู่ในใจคนหลายเจเนเรชั่น วันนี้สวนสามพรานเปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วยการเริ่มต้นของทายาทรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างคุณฟี่และพี่ชายของเขา

“ครอบครัวผมทำสวนสามพรานมาตั้งแต่รุ่นคุณตาคุณยายตอนปี 1962 ตอนนี้เกือบ 60 ปีแล้ว ผมเป็นรุ่นที่ 3 ต่อจากคุณแม่กับคุณน้า มีผม พี่ชายแล้วก็ญาติอีกคนที่เข้ามา เริ่มจากพี่ชายและตัวผมเป็นคนรักสุขภาพมาก เราเลยเอาเรื่องสุขภาพมาเป็นจุดขาย แล้วสุขภาพเริ่มจากตรงไหน ก็คือการกินอยู่ ถามว่าเรารู้จักช่างตัดผม รู้จักร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้าน แต่รู้จักไหมว่าใครปลูกอะไรให้เรากิน นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดที่ไม่มีใครรู้ คนที่ปลูกข้าวให้เรากิน เราเชื่อเขาได้ไหม จึงเกิดเป็นการรวมเกษตรกรในพื้นที่ เกษตรกรเขาอาจเคยมองว่าเราเป็นโรงแรม มีแต่นักท่องเที่ยว พี่ชายผมออกไปเจอเกษตรกรเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หาคนทำเกษตรอินทรีย์มาส่งให้ที่โรงแรม และเปิดพื้นที่ให้เขาขายคือ “ตลาดสุขใจ” ให้คนแถวนี้มาซื้อของออร์แกนิคจากเกษตรกร”




คุณฟี่โตขึ้นที่สวนสามพรานแต่ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ และไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษตั้งแต่ 10 ขวบ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกาจนอายุเกือบ 30 ปี เขาเล่าว่ากลับมาที่สวนสามพรานบ้างปีละ 1-2 ครั้ง วันหนึ่งคุณฟี่อยากกลับมารู้จักกับบ้านของตัวเองจริงๆ หลังจากใช้ชีวิตเกินครึ่งที่ต่างประเทศ และการกลับมาครั้งนี้เขาพบความหมายของชีวิตที่ล้ำค่า “เรารู้สึกว่าที่นี่คือบ้านเรา ที่ที่เราโตขึ้นมา เป็นความอบอุ่นที่คุณตาคุณยายสร้างไว้ วันที่กลับมายังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ย้ายกลับมาก็ทำงานถ่ายรูป ดูด้านดีไซน์ เป็นครีเอทีฟของที่นี่ อยู่ได้ไม่นานคุณยายไม่สบาย คุณแม่ก็ออกไปดูแลคุณยาย เรารู้สึกว่าถ้าไม่เข้ามาช่วยเต็มตัว ใครจะทำ เลยมาดูการบริหารโรงแรม แต่ก็ยังไม่ใช่ตัวเราเองจริงๆ พอมีสามพรานโมเดลเข้ามา เราออกไปหาเกษตรกร ชวนเขามาปลูกเกษตรอินทรีย์กัน เป็นตัวกลางเชื่อมไปหาคนที่เข้ามาซื้อ เลยตัดสินใจทำ Patom มีจุดขายด้าน organic living”




ความหมายเกษตรอินทรีย์ที่คุณฟี่อธิบายให้เราฟังง่ายๆ เลยคือการไม่ใช้สารเคมีลงไปในดิน ผัก ผลไม้หรือพืชสมุนไพรที่ปลูก อาจมีสารเคมีเจือปนมาทางน้ำ อากาศได้บ้าง แต่ต้องไม่ใช่การใส่เองโดยตั้งใจ เป็นการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมให้ธรรมชาติจัดการกันเอง ดังนั้นเกษตรอินทรีย์อาจจะปลูกไม่ได้ทั้งปี แต่เป็นผักตามฤดูกาล ควบคุมความสวยงามไม่ได้ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนไปตามอากาศ แมลง สภาวะอากาศต่างๆ การควบคุมพืชผักต่างๆ จะค่อนข้างยาก บางช่วงของขาดบ้าง แต่คนไทยหรือทั่วโลกเองต้องการผลผลิตออร์แกนิคมากขึ้น เพราะทุกอย่างจะปลอดภัยไร้สารเคมี


เปิดใจชาวบ้านกับการปลูกพืชออร์แกนิค
ความยากที่จะเข้าไปพูดคุยกับเกษตรกรที่เคยชินกับการใช้สารเคมีมาตลอดชีวิตคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สามพรานโมเดลเข้าไปเป็นทีมพี่เลี้ยงให้การสนับสนุนกับกลุ่มเกษตรกรต่างๆ ต้องปรับความเข้าใจหลายๆ อย่าง และทำในวันเดียวไม่ได้ บางกลุ่มทำได้เลย บางกลุ่มใช้เวลาเป็นปี เข้าไปจนเกษตรกรบางคนไม่เข้าใจว่าไปทำไมอยู่เรื่อยๆ เพราะปลูกแบบเดิมก็สามารถขายได้ คุณฟี่เล่าว่าแค่เข้าไปเปลี่ยนมุมมองว่าสุขภาพคนที่ปลูกจะดีขึ้น ครอบครัวดีขึ้น สังคมก็ดีขึ้นด้วยจนเวลาผ่านไปเกษตรกรคนหนึ่งมาบอกว่าเขาได้โฉนดบ้านเขากลับมาแล้ว โฉนดที่เคยอยู่ในธนาคาร หรือแม้แต่โฉนดที่อยู่กับร้านขายสารเคมี เพราะต้องเอาโฉนดไปวางเพื่อเอาสารเคมีออกมา วันที่พี่ๆ เกษตรกรปลดหนี้ได้ ชีวิตเปลี่ยนและจะไม่ยอมเป็นหนี้อีกต่อไปแล้ว






Patom นำของดีในท้องถิ่นมาดูแลคุณ
“ตั้งแต่เริ่มทำผลิตภัณฑ์ ทางแบรนด์มีนักวิทยาศาสตร์มาร่วมในทีม รู้สูตรว่าอะไรดีอย่างไร แต่ตอนหลังเราตั้งโจทย์ว่าต้องมีผัก สมุนไพร ผลไม้ออร์แกนิคหรือสารสกัดจากออร์แกนิคใส่ไปเพื่อเพิ่มสรรพคุณลงไป เราเลยหาข้อมูลว่าอะไรดีกับผิวหรือผม แล้วเราจะขอให้เกษตรกรปลูกชนิดนั้น เป็นการทดลองเยอะมาก พอลองใช้จริงก็เริ่มขาย ฟีดแบ็กดี ใช้แล้วผมดีผิวดี เริ่มมั่นใจว่ามาถูกทาง เราตั้งกฎว่าจะเอาของออร์แกนิคเฉพาะจากคนที่รู้จักเท่านั้น ตอนนี้เรามีเกษตรกร 15 กลุ่ม ประมาณ 170 คน วัตถุดิบมีเยอะมากให้เลือกใช้ทั้งดอกไม้ ผัก สมุนไพร อย่างกุหลาบมอญเป็นสิ่งที่เราปลูกเองที่นี่” คุณฟี่ใช้ความสามารถด้านการออกแบบ ดีไซน์ Patom ออกมาเรียบๆ ใช้กราฟฟิกที่สื่อถึงความเป็นไทย






Patom และ Ecotopia พร้อมสร้างโลกนี้ให้ดีขึ้นไปด้วยกัน!
ในวันที่ Patom พร้อมออกมาอยู่ในที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ในร้านของตัวเอง คุณฟี่เลือกมาที่ Ecotopia สยามดิสคัฟเวอรี่ด้วยความคิดว่าเป็นอีกทางที่จะ co-create สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่คิดถึงสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรผู้ผลิตออกไปให้คนในเมืองและคนรุ่นใหม่ได้รู้จัก “ตอนมาที่ Ecotopia ครั้งแรกประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว เป็นที่เดียวที่ผมรู้สึกว่าเปิดโอกาสให้กับแบรนด์เล็กๆ ของคนไทย ทำให้เรากล้านำของไปไว้ในศูนย์การค้า เราได้เจอกับนักท่องเที่ยวและลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีหลายคนบอกว่าไปเจอแบรนด์ของเราที่สยามดิสคัฟเวอรี่”





เหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นอีกข้อพิสูจน์ที่บอกว่าเกษตรอินทรีย์นั้นคุณก็สามารถลองเริ่มทำได้ที่สวนในบ้าน คุณฟี่สรุปไว้อย่างหนึ่งว่าเราเคยมองว่าประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ เขาเจ๋งแค่ไหน แต่วันนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่ได้อยู่เมืองไทย เพราะเรามีอาหาร เราสามารถปลูกพืชเองได้ มีของใช้ มีเศรษฐกิจที่พอเพียงซึ่งตรงนี้คือการใช้ชีวิตคุณภาพแบบใหม่ของสังคม “การใช้ชีวิต Luxury ที่แท้จริง เดี๋ยวนี้ไม่ใช่การบินไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ มีตังค์แล้วจะไปในที่ที่ไปยาก หลังจากผมทำ Patom มาหลายปี มันคือการได้กินของที่ปลอดภัย ใช้ของอย่างปลอดภัยอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ไม่ใช่ตัวเราแค่อย่างเดียว เราสามารถให้ต่อกับครอบครัว คนใกล้ตัวหรือคนที่เรารู้จัก การมีสุขภาพดีคือสิ่งที่ทุกคนต้องการไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนโลกก็ตาม”





เป้าหมายใหญ่ที่คุณฟี่และแบรนด์ Patom อยากไปให้ถึงคือเขาอยากสร้างสังคมอินทรีย์ หรือ Organic Community ให้ใหญ่ขึ้น เวลาคนนึกถึงสินค้าอินทรีย์ที่ซื้อง่ายใช้ง่าย ก็คิดถึง Patom เป็นแบรนด์แรกๆ และเมื่อสร้างสังคมอินทรีย์ได้แล้ว ภาพของความยั่งยืนที่ทุกคนวาดไว้ก็จะเกิดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม


พบกับผลิตภัณฑ์ของ Patom ได้แล้วที่ Ecotopia ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่