BACK TO EXPLORE

Meet Ceramic Artist

ความหลงใหลในงานเซรามิกสำหรับ ‘อ้อ’ - พรพรรณ สุทธิประภา อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับลงลึกถึงจิตวิญญาณก็ว่าได้ เพราะนอกจากเธอจะมุ่งมั่นและแน่วแน่ต่อการทำงานศิลปะประเภทนี้ตามที่ตัวเองใฝ่ฝันมาตลอดแล้ว งานเซรามิกยังเป็นเหมือนเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอในทุกจังหวะของชีวิต

“สำหรับเรางานเซรามิกคือการภาวนา ตอนช่วงที่เรียนปริญาโทเราต้องไปอยู่ที่สวีเดน มันค่อนข้างว้าเหว่และเราไม่รู้จักใคร ที่นั่นเขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษ ยิ่งทำให้เหงาไปกันใหญ่ แต่ข้อดีคือทำให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเองค่อนข้างเยอะไปด้วย ทำให้เรามองกลับมาที่ตัวเองว่ากำลังคิดอะไร ทำอะไร แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ เลยได้ถามตัวเองเยอะว่าทำไมไม่ออกไปเที่ยวเดินป่าแบบคนอื่น ทำไมถึงขลุกอยู่แค่ในสตูดิโอเพื่อมานั่งทำงานคนเดียว ดังนั้นเลยเห็นว่าช่วงที่ตัวเองได้ทำงานเราไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นเราก็อยู่กับการทำงานเซรามิกได้เรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่า การภาวนาในหลักพระพุทธศาสนามันเป็นยังไงรู้แค่ว่าทำแล้วสบายใจ ทำแล้วไม่ฟุ้งซ่าน”


การทำงานศิลปะ สิ่งสำคัญคือศิลปินต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับงานเซรามิกนั้นมีความพิเศษมากกว่า นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมเธอถึงเรียกว่าเป็นการภาวนา

“งานเซรามิกสำหรับเราเป็นคล้ายๆ ครู เพราะมันไม่เหมือนวัสดุอื่น ถ้าเราใจร้อนงานมันพร้อมจะพังคามือ ถ้าทำครั้งที่ 1 2 3 แล้วยังพัง แสดงว่าไม่ได้เป็นที่ดินแล้ว แต่ต้องย้อนกลับมาดูว่าเป็นที่ตัวเองหรือเปล่า ซึ่งจะมีการเช็กแบบนี้ตลอดเวลาในขณะที่เราทำงาน ซึ่งทุกวันนี้เราก็ยังทำแบบนี้อยู่”


แต่กว่าที่งานเซรามิกภายใต้ชื่อ Aor Sutthiprapha จะได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการของใครต่อใครก็ต้องมีการฝ่าฝันเพื่อพิสูจน์ใจตัวเองอย่างหนักเหมือนกัน เพราะเธอให้เหตุผลว่า การทำงานเซรามิกนั้นต้องการเวลาที่เยอะมาก ไม่สามารถทำเป็นงานอดิเรกได้

“ถ้าเราทำมันเป็นงานอดิเรกมันก็จะได้แค่งานอดิเรก เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่างานเซรามิกหรืองานคราฟต์ใดๆ นั้นใช่คำตอบจริงๆ ไหม เรายังอยากทำงานเซรามิกเป็นอยู่ไหม เราควรจะทำงานเพื่อให้อยู่รอดได้ หรือทำงานเพื่อความฝันตัวเอง สำหรับเรามีการตอบคำถามนั้นตลอดทาง และเป็นความหนักแน่นที่ว่าเราคงเปลี่ยนไปทำอาชีพไหนไม่ได้อีกแล้ว”

YOU MAY ALSO LIKE