Roots at The COMMONS โรงคั่วกาแฟเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ ผ่านการใส่ใจเป็นอย่างดีของเหล่า roaster และปรุงกาแฟด้วยบาริสต้าฝีมือดี ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเคมีเดียวกันคือหลงใหลในศาสตร์แห่งกาแฟ ไม่ต่างจาก ‘พลอย’ - ผกาวัลย์ ติรไพโรจน์ โรสเตอร์มือฉมัง ซึ่งกว่าจะก้าวมาถึงตรงนี้ได้ เธอบอกสั้นๆ แต่โดนใจว่า “เมื่อโอกาสดีๆ มาถึง มันจะไม่รอใคร ต้องรีบคว้าเอาไว้ แล้วทำให้ดีที่สุด”
“โอกาสที่ว่านั้นก็มาพร้อมกับคำว่า ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนหน้าที่จะมาทำกาแฟ เราเคยขายเสื้อผ้ามาก่อน แล้วเจอเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้ธุรกิจนั้นไปไม่รอด ทีนี้เมื่อเราว่างงาน เราก็ไปนั่งร้านกาแฟอยู่บ่อยๆ จนสมัครเข้าไปทำงานในร้านกาแฟ เพราะเราชอบบรรยากาศ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรา”
“จำได้ว่า เราทำงานที่ร้านกาแฟครั้งแรกในฐานะคนชงกาแฟ เราทำงานอยู่ตรงนั้นเกือบปีเราได้คุยกับลูกค้ามากมาย แต่หลายครั้งเราตอบเรื่องกาแฟไม่ได้ เราจึงอยากได้ความรู้เรื่องกาแฟเพิ่ม เผอิญระหว่างนั้น เราได้ยินว่าจะมีร้านกาแฟแห่งหนึ่งเปิดเป็นร้านที่ไม่เคยเห็นที่ไหนในไทยมาก่อน โดยมีคอนเซปต์อยากถ่ายทอดความรู้เรื่องกาแฟให้กับลูกค้ามากขึ้น อยากให้ลูกค้าใกล้ชิดกับคนทำกาแฟมากขึ้น มันเป็นทิศทางเดียวกับความตั้งใจของเรา เราเลยมาทำงานที่นี่ ซึ่งนั่นก็คือ Roots at The COMMONS ในปัจจุบัน”
และแล้วโอกาสครั้งต่อมาก็มาถึง เมื่อเธอได้ทำงานในร้าน Roots และฝึกฝนอย่างหนัก จนได้รับความไว้วางใจให้ก้าวเข้าสู่การเป็นโรสเตอร์ หรือ คนคั่วกาแฟ
“ตอนนั้นเรากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มาก อดทนและพยายามทำทุกอย่าง จนทางพี่ๆ เอ่ยถามว่าอยากลองในส่วนคั่วกาแฟหรือเปล่า เราจึงรับคำทันที เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แล้ว เรารู้สึกว่าการเป็นโรสเตอร์มันทำงานกับสองสิ่ง สิ่งแรกคือ ไม่มีชีวิตอย่างเครื่องจักรและเมล็ดกาแฟ มันให้ทั้งความรู้สึกและเหตุผลที่จับต้องได้ วัดค่าได้ และอีกส่วนหนึ่งก็คือ การทำงานกับตัวเอง ได้ทดสอบวินัย ความมีระเบียบ การฝึกฝน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเสน่ห์ของการเป็นโรสเตอร์ที่มีสิ่งเหล่านี้ดึงดูดเอาไว้”
เท่านั้นไม่พอ โอกาสดีๆ รอเธออยู่จริง ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของเธอทั้งสิ้น เมื่อเธอได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นกรรมการการแข่งขันบาริสต้าประจำประเทศไทยและกรรมการแข่งลาเต้อาร์ต
“จริงๆ มันมาจากการไม่ประสบความสำเร็จอีกเหมือนเดิม เพราะเราไปในฐานะผู้เข้าแข่งขัน แต่ก็ไม่ชนะ แต่มันก็นำมาซึ่งโอกาสดีๆ ในฐานะการเป็นกรรมการตัดสิน มันแตกต่างกันมากจริงๆ นอกจากนี้เรายังได้รับโอกาสเข้าไปเป็น Volunteer Stage ของ World Coffee Events ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งเราเป็น 1 ใน 2 คนไทยที่ได้ไปในงานครั้งนั้น โอกาสตรงนั้นทำให้เราได้ความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนาตัวเองอีกหลายอย่าง ซึ่งทั้งหมดที่เราได้มา มันคือคำว่า ‘โอกาส’ และ ‘พยายาม’ จนถึงที่สุดจริงๆ”