BACK TO EXPLORE

3 ที่เที่ยวระดับโลกแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยที่นี่ที่เดียว!

3 ที่เที่ยวระดับโลกแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยที่วันสยาม!
ไม่ว่าจะเด็ก วัยทีนหรือครอบครัวก็ยกก๊วนกันมาได้ทุกคน

มีเวลาว่างอยากเปิดโลกกว้างให้กับตัวเองและคนที่เรารัก มาใช้เวลาสุดสนุกกันที่สยามพารากอนและสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกเพื่อคุณหนูตัวน้อยหรือผู้ใหญ่ที่อยากมาใช้เวลาดีๆ ร่วมกันที่ KIDZANIA BANGKOK, Sea Life Bangkok Ocean World และ Madame Tussauds

 

 

KIDZANIA BANGKOK โลกใบใหญ่ที่เด็กทุกคนในประเทศไทยฝันอยากมา ที่เดียวที่สยามพารากอน

ช่วงเวลาปิดเทอมเป็นโอกาสที่หลายครอบครัวจะพาลูกตัวน้อยไปทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการเข้าคอร์สเรียนพิเศษเสริมทักษะเพื่อปูทางในอนาคต แต่จะดีแค่ไหนหากลูกของคุณได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และโตขึ้นอยากจะเป็นอะไรผ่านการลองทำอาชีพนั้นจริงๆ แถมยังได้ความสนุกจากการเรียนรู้อีกด้วย Kidzania โลกของเด็กๆ ที่แรก และที่เดียวในประเทศไทย ที่ชั้น 5 โซน North สยามพารากอน

 

ประสบการณ์ที่ว่าสามารถหาได้ที่ Kidzania Bangkok ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงสำหรับเด็กอายุ 4 – 14 ปี ให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ควบคู่กับการเล่นที่สนุกสนาน ผ่านการสวมบทบาทเสมือนจริงตามอาชีพในฝัน ไม่ว่าจะเป็น นักบิน หมอ นักแสดง ตำรวจ นักดับเพลิง พร้อมจุดประกายให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพในอนาคต

Kidzania Bangkok แห่งเดียวในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ทุกอย่างจะจำลองลงให้กลายเป็น “เมืองคิดส์ซาเนีย” ที่ถูกย่อส่วนให้เล็กลง 30% เพื่อให้เด็กๆ ได้สวมบทบาทเป็นพลเมืองพร้อมประกอบอาชีพสำคัญต่างๆ ที่ช่วยให้เมืองน่าอยู่ขึ้น ซึ่งแต่ละอาชีพจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตจริงๆ ส่วนการเข้าใช้บริการ สามารถปล่อยให้เด็กได้สนุกสนานด้วยตัวเอง โดยผู้ปกครองสามารถแยกตัวไปรอที่ห้องรับรอง หรือจะเดินตามเก็บภาพลูกๆ ภายในเมืองก็ได้

ในโลกเสมือนจริงแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนสนามบิน สำหรับการเดินทางเข้าเมือง โซนนี้เด็กๆ สามารถสวมบทบาทเป็นนักบินและพนักงานต้อนรับได้ ส่วนโซนซิตี้ สแควร์ ถือเป็นส่วนหลักของเมืองคิดส์ซาเนียที่ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ธนาคาร สถานีตำรวจ โรงแรม โรงละคร ฯลฯ และโซนชานเมือง เป็นส่วนของที่ตั้งโรงงานที่ผลิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็นนม น้ำชาเขียว น้ำอัดลม ฯลฯ

เมื่อก้าวเข้าไปสู่เมืองคิดส์ซาเนีย สิ่งแรกที่จะได้รับคือเงินขวัญถุง 50 kidZo ซึ่งเป็นสกุลเงินจำลองที่สามารถใช้จ่ายภายในเมืองคิดส์ซาเนียเท่านั้น ทำให้เด็กได้รู้จักการบริหารเงินได้ด้วยตนเอง เพราะในสถานที่ที่เรียนรู้แต่ละแห่ง หากเด็กเข้าไปในฐานะผู้ใช้บริการก็จะต้องเสียเงินตามจำนวนที่กำหนด แต่ถ้าเข้าไปประกอบอาชีพในสถานที่แห่งนั้นก็จะได้เงินคิดส์โซ่เป็นค่าตอบแทนเช่นกัน นอกจากนี้หากนำเงินส่วนหนึ่งไปฝากธนาคาร ก็ยังจะได้รับดอกเบี้ยอีกด้วย

 

ในเมืองมีสถานที่ที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ทักษะหลากหลายรูปแบบ เช่น โรงเรียนสอนทำอาหาร โรงเรียนสอนศิลปะ โรงเรียนสอนดนตรี โรงเรียนสอนการแสดง ฯลฯ แน่นอนว่าการเข้าไปเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้มีค่าใช้จ่ายในการเรียน แต่เมื่อเรียนจบและได้ทำผลงานตามที่เรียนมาก็จะได้ค่าตอบแทนด้วยเช่นกัน

 

ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. เด็กๆ สามารถเข้าไปสวมบทบาทเป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมัน คอยเติมน้ำมันให้กับรถของเพื่อนๆ ที่เข้ารับบริการ นอกจากนี้ยังมีโซนล้างและตรวจซ่อมรถอีกด้วย แต่เด็กคนไหนที่จะขับรถมาเติมน้ำมันได้นั้นจะต้องมีใบขับขี่เสียก่อน ซึ่งต้องผ่านการวัดสายตา อบรมให้ความรู้ และทดสอบการขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถ ซึ่งแน่นอนว่ามีเพื่อนๆ คนอื่นคอยรับหน้าที่ให้บริการอยู่

 

เสียงไซเรนห์ดังรอบเมือง เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมีไฟไหม้ เหล่านักดับเพลิงตัวน้อยในชุดสีเหลืองที่ได้รับการเรียนรู้มาอย่างดีก็พร้อมปฏิบัติภารกิจสำคัญ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลความสงบอีกด้วย

 

ส่วนในโรงละครก็กำลังมีการแสดงของเหล่านักมายากลมืออาชีพที่ได้รับการเรียนรู้มาอย่างดีจากโรงเรียนสอนมายากล ส่วนคิวต่อไปที่กำลังจะขึ้นเวทีก็เป็นเหล่านักแสดงจากโรงเรียนสอนการแสดงกับละครเรื่อง ปีเตอร์แพน รวมถึงการแสดงแฟชั่นโชว์จากเหล่านางแบบมืออาชีพ

โซนโรงงาน เหล่าพนักงานตัวน้อยก็กำลังขะมักเขม้นกับการผลิตสินค้าต่างๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับคนในเมือง ทั้งโรงงานผลิตน้ำอัดลม โรงงานผลิตน้ำดื่ม โรงงานผลิตนม โรงงานผลิตชาเขียว เมื่อเสร็จภารกิจ เด็กๆ จะได้รับสินค้าจริงๆ ออกมาอวดเพื่อนๆ ได้

 

ไม่เพียงแต่ลองเป็นอาชีพต่างๆ เด็กๆ ยังจะได้รับการปลูกฝังให้ความสำคัญกับการเรียน โดยมหาวิทยาลัยแบรนด์จูเนียร์ที่จะมอบความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เช่น ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา ธรณีวิทยา และเคมี เมื่อเรียนจบจะได้บัตรนักศึกษาที่สามารถนำไปเป็นส่วนลดเมื่อเข้าเรียนที่สถานประกอบการที่กำหนด หรือจะได้รับคิดส์โซเพิ่มเมื่อประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนจบมา

นอกจากนี้ที่เมืองคิดส์ซาเนียยังมีสถานประกอบการกว่า 65 แห่งที่คอยมอบประสบการณ์และการเรียนรู้อีกมากมายอีกกว่า 80 อาชีพ ทำให้เด็กๆ ได้สนุกสนานไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะทั้งด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพในฝัน การตัดสินใจด้วยตนเอง การพึ่งพาตนเอง การทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ความกล้าแสดงออกและเป็นตัวของตัวเอง รวมถึงการรู้จักคุณค่าของเงินผ่านระบบคิดส์โซ่

คิดส์ซาเนียตั้งอยู่บนชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดบริการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 17.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนัตขัตฤกษ์ เวลา 10.30 – 20.30 น. สอบถามค่าใช้จ่ายและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bangkok.kidzania.com หรือโทร 02-683-1888

 

 

โลกใต้ทะเลอยู่ใกล้ๆ เรานี่เอง Sea Life ที่สยามพารากอน จะทำให้คุณเพลิดเพลินที่สุด

อะไรที่จะทำให้เราเดินยิ้มได้นานๆ แล้วหลุดเข้าไปอีกโลก เดินจูงมือเด็กน้อย ควงแขนคนรัก ชวนกันดูชีวิตสัตว์ที่อาจจะเหมือนไกลตัวเรา แต่ Sea Life Bangkok Ocean World โลกใต้ทะเลแห่งแรก และแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า เรากำลังแนบชิดกับทะเลที่สุด ปลาฉลามตรงหน้า อยู่ด้วยกันกับปลากระเบน เพนกวิน นากทะเล ซี ไลฟ์ ไม่เคยทำให้เด็กน้อยเบื่อ และเรากำลังชวนพวกเขา มองโลกให้กว้างๆ มาเปิดโลกกันอีกครั้งกลางเมืองกันเลยที่ชั้น B1 สยามพารากอน

เตรียมตัวให้พร้อม เอาเสื้อหนาวมาด้วยก็ดี เพราะโซนเพนกวินจะอากาศเย็นตามเพนกวินเล็กน้อย มาถึงสยามพารากอน กดลิฟท์ลงมาชั้น B1 เข้ามาซื้อตั๋วกันเลย ถ้าคนไทยใช้บัตรแรบบิท จะซื้อได้ถูกลง 150 บาท และบัตรแรบบิท 1 ใบสามารถใช้ได้ 4 คน ราคาค่าตั๋วจะมีเป็น คอมโบ A, B และ C แยกกันราคาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทย ถ้าคอมโบบี และซีจะมีบัตรเข้าดู Madame Tussands และของที่ระลึกด้วย ลองดูราคาได้ที่เว็บไซต์ www.sealifebangkok.com และถ้าไม่อยากต่อคิวนานตอนซื้อตั๋ว แนะนำให้ซื้อเป็นรายปี จะได้เข้าช่องพรมแดงฟาสท์ แทร็คท์ทันทีเลย

 

ซื้อตั๋วเสร็จ ความตื่นเต้นจะเริ่มมาแล้ว จูงมือลูกๆ หลานๆ ไว้ให้ดี เด็กๆ จะวิ่งไปมากันมาก เข้ามาถึงจะเจอมุมให้ถ่ายรูปแบบเลือกแบ็คกราวน์ดได้ อัดรูปมาราคา 350 บาท แบ็คกราวน์ดใต้ทะเลสีสวยๆ และมีของให้เลือกว่าจะเอารูปติดกับอะไร พวงกุญแจ แม็คเน็ตก็มี

 

เดินเข้ามาอีกนิด สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือมุม โพรงหินอำพราง มีปูแมงมุมยักษ์สีแดงอ้าแขนต้อนรับเรา และใกล้ๆ จะมีมุมให้เด็กๆ ไปสแตมป์ เป็นสถานีๆ ไป ใครสแตมป์ครบ 9 สถานี ตอนออกรับเข็มกลัดซีไลฟ์เป็นที่ระลึกกันเลย

 

เข้ามาอีกนิด เป็นประตู Behind the Scene ให้เข้าไปดูเบื้องหลังการทำงาน ดูระบบบำบัดน้ำ ว่าที่นี่เขามีการดูแลกันยังไง เป็นความรู้ให้เด็กๆ ใกล้ๆ กันเป็นห้องพื้นกระจก ท้าทายให้กล้าไปเดินมาก เพราะข้างล่างคือฉลามว่ายไปมาเต็มไปหมด มีเกมส์ Shark Mission บนผนังให้เด็กๆ เล่นด้วย ออกมาจากห้องฉลาม จะมีเก้าอี้ให้นั่งชิลล์ดูปลาในตู้ใหญ่มากๆ สูงไปถึงพื้น ผู้ใหญ่อาจจะอยากนั่งไม่ลุก เพราะเพลินจริงๆ

เดินต่อไปเป็นโซนม้าน้ำ สัตว์ที่เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำของที่นี่บอกว่า “ชอบที่สุด” ม้าน้ำจะมีชีวิตที่อะเมซิ่งก็คือ ตัวผู้จะเป็นคนดูแล ฟักไข่ให้ตัวเมีย ดูแลจนเป็นตัว แล้วถึงส่งต่อให้ตัวเมีย ม้าน้ำเป็นสัตว์ที่ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กๆ จะต้องรอคอยดูเวลายืดตัว ว่ายน้ำไปมา ที่นี่มีหลายสี ให้น่าถ่ายรูป

 

กิมมิคน่ารักของซีไลฟ์ที่ใครๆ จะต้องไปถ่ายรูปกันก็คือ อุโมงค์กระจก ที่ลอดเข้าไป แล้วเอาหน้าโผล่ขึ้นมาถ่ายรูป เหมือนเราลงไปอยู่ใต้ทะเล ต้องถึงกับต่อคิวถ่ายรูปกันเลย ผ่านไปทางขวามือจะเป็นโซนน้ำจืด มีปลาหายากจากหลายแห่ง ทั้งไทย อาฟริกา อเมริกาใต้ ปลาจะเท่ห์ๆ กันมาก อาจไม่ได้สีสันประชันกัน แต่หน้าตาแปลก น่าสนใจทีเดียว แล้วก็จะเจอเหมือนเป็นป่าๆ เขียวๆ เด็กบางคนชอบโซนนี้มาก แต่บางคนก็กลัว ที่สวยคือปลากระเบนอะเมซอน ลายจะสวยมาก น่าไปมองใกล้ๆ และผ่านไปอีกนิดมีมุมโต๊ะให้นั่งทานน้ำ ทานป๊อปคอร์น และที่มีเพิ่มมาใหม่คือ ตู้งูต่างๆ เอาไว้ให้เด็กๆ มาดู

 

สัตว์อีกตัวหนึ่งที่เรียกรอยยิ้มจากทุกคน ก็คือนาก นากเป็นสัตว์ฉลาดมากไม่แพ้เพนกวิน มือของมันสามารถหยิบของได้ด้วย ดูรอบเวลาดีๆ ครูกับนากจะออกมาโชว์ น่ารักมากทีเดียว ถัดมาจะเป็นอีกโซนที่แทบจะวิ่งไปหา มีตู้กระจกเพนกวินใหญ่ๆ ตรงหน้า มีเก้าอี้ให้นั่งดูพวกเขาไปนานแค่ไหนก็ได้ และมีมุมให้จับปลาดาว ปลิงทะเล ไข่ฉลาม ใกล้ๆ กันเป็นมุมเต่าทะเล ถ้าใครจำได้ตรงนี้แต่ก่อนเคยเป็นปลากระเบนมากมายว่ายอยู่

เสร็จจากโซนนี้ ก็จะเป็นอภิมหาโลกใต้ทะเลที่ใครก็ตามที่มาครั้งแรก จะต้องว้าว!! อุโมงค์ใต้ทะเลอย่างใหญ่ ปลาทุกตัวจะมาว่ายรวมกันในนี้ เราแหงนหน้ามอง จะเจอปลากระเบนยิ้มให้ และฉลามโฉบมาทีไร อาจมีร้องวู้วในใจ เป็นมุมที่ครอบครัวจะชอบมาถ่ายรูป และมักจะได้ภาพในความรู้สึกกลับไปกัน

 

ผ่านมาก็มาถึงบ้านในเมืองน้ำแข็งของเพนกวิน สัตว์ที่ทุกคนรัก และเพนกวินที่นี่น่ารักเหลือเกิน จะมีตัวที่ชอบเล่นกับคนดู เป็นพันธุ์ที่ชื่อ Gentoo ตัวใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ครูบอกว่าเพนกวินฉลาดมาก และไม่ค่อยไว้ใจคนง่ายๆ ต้องใช้เวลากับเขา เมื่อพวกเขาเริ่มไว้ใจ สังเกตได้คือเวลาให้อาหาร เขาจะเดินมาหาเอง ครูบอกว่า มีผูกพันกับพวกเขาเหมือนกันนะ

 

จะเดินกลับไปกลับมา นั่งดูปลานานๆ หรือถ้าใครใจถึง จะลอง Ocean Walker ใส่ชุดมนุษย์กบ ใส่หมวกที่มีออกซิเจน ลงไปเดินในน้ำกันเลยก็ได้ ราคา 2,000 บาทต่อหนึ่งคน ภายใน 15 นาที จะเห็นปลาฉลามระยะประชิด เกิดประสบการณ์หวีดๆ กับตัวเองทีเดียว

 

อย่าลืมถ่ายรูปกับอีกโซนที่น่ารักมากคือ แมงกระพรุน เป็นเหมือนห้องให้เข้าไปนอนดูแมงกระพรุน และมีส่วนงานลีฟวิ่ง อาร์ตถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ ด้วย

ก่อนออกจากโลกใต้ทะเล จะมีช้อปเจอตุ๊กตาเพนกวินก่อนเลย เด็กๆ จะกรูกันเข้าไปหาสัตว์ทะเลที่เขาชอบ ช้อปกันเป็นที่ระลึก แล้วออกมาถ่ายรูปต่อข้างนอกตรงทางเข้าได้อีก ภายในเวลา 2 ชั่วโมงในซี ไลฟ์ พอออกมาข้างนอก จะเหมือนเราเพิ่งไปเยี่ยมโลกใต้น้ำมา แฟนตาซีในวัยเด็กจะกลับมาอยู่ในใจอีกครั้ง และเราได้สร้างจินตนาการให้ลูกน้อยเพิ่มขึ้นในใจเขาด้วย สนุก เพลิน และไม่มีเบื่อแน่นอน

แวะมาท่องโลกใต้ทะเลด้วยกันที่ Sea Life Bangkok Ocean World ชั้น B1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 

 

ไปกระทบไหล่กับเหล่าคนดังระดับโลกกัน!
ชวนเที่ยว Madame Tussauds พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งระดับตำนานจากอังกฤษ

จะมีสถานที่ไหนในกรุงเทพฯ ที่ทั้งครอบครัวสามารถเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้เติมเต็มจินตนาการ ด้วยการทำความรู้จักกับเหล่าบุคคลสำคัญระดับโลกในรูปแบบเสมือนจริงราวกับพวกเขามายืนอยู่ตรงหน้า เหมือนอย่างที่พิพิธฑภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุซโซ่ กรุงเทพฯ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งซึ่งถือเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาเยือนที่นี่

หลายคนมักเข้าใจว่าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งคือการจัดแสดงหุ่นจำลองบุคคลต่างๆ ให้เข้าชมเฉยๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ต้องบอกว่าคุณอาจจะคิดดูใหม่ ถ้าได้มาที่มาดามทุซโซ่ เพราะที่นี่ไม่เพียงแค่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงเท่านั้น ยังมีกิจกรรม Interactive ควบคู่กันไปตลอดการเข้าชม และคุณยังสามารถถ่ายรูปคู่ หุ่นทุกตัวสามารถสัมผัสได้ จะกอดคอเซลฟี่หรือเลียนแบบท่าทางทำได้หมด

 

หลังจากซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าแล้วเราก็เริ่มกันเลยที่ห้องแรก The Royal Room ห้องจัดแสดงที่รวบรวมบุคคลสำคัญจากราชวงศ์ทั้งไทยและต่างประเทศมาไว้ที่นี่ อาทิ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ควีนอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าหญิงไดอาน่า รวมไปถึงบุคคลสำคัญทางการเมืองระดับโลกอย่าง คานธี, เหมา เจ๋อ ตุง และอีกหลายๆ คน พร้อมมุมความรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับแต่ละบุคคล

 

นอกจากบุคคลด้านการเมืองแล้ว ก็ยังมีคนดังจากวงการศิลปะ ดนตรี วิทยาศาสตร์ หรือเทคโนโลยีรวมอยู่ด้วย อย่าง สุนทรภู่ ปิกัสโซ่ โมสาร์ท มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก และไอสไตน์ ทั้งหมดล้วนแต่สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ฝากไว้จนถึงทุกวันนี้

ถัดมาเป็นโซนกีฬา ที่นี่จำลองบรรยากาศบนสนามแข่งขันกีฬาระดับโลกไว้ให้คอกีฬาโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นคอฟุตบอล ก็จะได้พบปะกับ เดวิด เบ็คแฮม, เวย์น รูนีย์, สตีเวน เจอร์ราร์ด มีไทเกอร์ วูด โปรกอล์ฟระดับโลก มีนักยกน้ำหนักหญิงคนเก่ง ปวีณา ทองสุก

 

มุมต่อไป Music Room อาจเป็นมุมโปรดของหลายๆ คน เพราะคุณจะได้กระทบไหล่กับนักร้องชื่อดังคนโปรด เริ่มจากบอยแบนด์หนุ่มหล่อจากอังกฤษ One Direction มาครบทั้งวงให้คุณจับเข่าคุยอย่างใกล้ชิด สายดีว่าส์ก็สามารถสนุกไปกับสเตจจำลองของคอนเสิร์ตของเหล่าเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวท็อปอย่าง Lady Gaga, Katie Perry, Madonna, Beyonce และ Michael Jackson

 

ถ้าพูดถึงวงการเอนเตอร์เทนแล้วต้องไม่พลาดโซนนี้! ที่รวบรวมหุ่นขี้ผึ้งของนักแสดงภาพยนตร์ดังมากมาย ทั้งสมเด็จพระนเรศวร แม่นากพระโขนง สไปเดอร์แมน กัปตันอเมริกา และล่าสุดกับนักแสดงบอลลีวูดจากภาพยนตร์ Saaho ก่อนจะพาทุกคนมาถึงโซนปาร์ตี้ของเหล่านักแสดงชั้นนำ ในห้องนี้มีทั้ง Johnny Depp, Kate Winslete, Leonardo DiCaprio, Brad Pitt และอีกหลายคน

 

ก่อนมาถึงห้องสุดท้ายที่เปิดให้คุณเรียนรู้กรรมวิธีการทำหุ่นขี้ผึ้งตำรับของมาดามทุซโซ่ คุณยังสามารถทำแวกซ์เป็นรูปมือของตัวเองเพื่อเก็บเป็นที่ระลึกได้ด้วย ส่วนไฮไลต์สุดท้ายของพิพิธภัณฑ์คือโรงภาพยนตร์ 4 มิติกับแอนิเมชั่นเรื่อง Ice Age: No Time For Nuts ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ พร้อมสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ ด้านนอกเป็นโซนจัดแสดงพิเศษที่ให้คุณใกล้ชิดกับตัวละครสแคร็ท ซิด และแมนนี่ งานนี้น้องมีมี่ดูจะถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ ก่อนจะออกจากพิพิธภัณฑ์คุณยังสามารถแวะช้อปสินค้าที่ระลึกได้อีก

 

นี่อาจจะเป็นเพียงความสนุกเล็กๆ น้อยๆ ที่เล่าได้ไม่หมดจนกว่าคุณจะมาสัมผัสด้วยตัวเองที่มาดามทุซโซ่ ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดบริการ 10.00 – 21.00 น. (รอบสุดท้ายเวลา 20.00 น.) ค่าเข้าชมหน้าเคาน์เตอร์ราคา 590 บาท ซื้อตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ได้แล้วนะในราคาประหยัดกว่าเหลือเพียง 385 บาท และเขายังมีแพ็คเกจสำหรับคนที่มีแผนจะเข้าชม SeaLife ที่สยามพารากอนด้วยในวันเดียวกัน เพียงราคา 1490 บาท* สำหรับ Ice Age: No Time For Nuts 4D ค่าชมภาพยนตร์รวมอยู่ในบัตรเข้าชมมาดามทุซโซ่อยู่แล้ว จัดฉายทุกวัน รอบแรกเริ่ม 11.20 น. รอบสุดท้าย 19.50 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-658-0060



YOU MAY ALSO LIKE